THEWAYNEWS > Travel > In bound > ททท. ชวนเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เมืองโคราช

              ททท. ชวนเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เมืองโคราช

        การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆในเมืองโคราช เชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆในสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆในเมืองโคราช เทศกาลแห่เทียนเมืองโคราช จุดชมวิวเขาเขื่อนเลื่อนลั่น สีคิ้ว กราบพระนอนหินทรายเมืองเสมที่สูงเนิน ชมพระแกะสลักหินทรายบนหน้าผาที่เสิงสาง จุดเช็ดอินสะพานร้อยปีที่ครบุรี ขอโชคลาภกับพญานาค ที่พุทธอุทยานวังน้ำเขียว ชิมอินผลัมสดที่ไร่ดังใหม่ ครบุรี

        นางสาวภาวนา ประจิตต์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา กล่าวว่า “จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งตอนนี้เราพร้อมเปิดเมือง ทั้ง 33 อำเภอของเราพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว ช่วงนี้เรามีการจัดกิจกรรมต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานแห่เทียนเข้าพรรษาเมืองโคราช งานเทศกาลไหว้พระนอนอายุ 1,300 ปี งานทุเรียน GI. ปากช่อง เดือนต่อไปก็จะมีงานเทศกาลน้อยหน่า งานเทศกาลหุ่นฟาง นอกจากนี้เรายังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติใหม่ๆ เรามีทะเลหมอกสวยงามที่วังน้ำเขียว จุดชมวิวเขาเลื่อนลั่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรชิมอินผลัมสดๆที่สวน ไหว้ขอพรพญานาคที่คำชะโนดวังน้ำเขียว และแหล่งท่องเที่ยวชุมชนอีกหลายแห่ง

       เรามีเขาใหญ่ที่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และในตอนนี้เรากำลังจะมีมรดกโลกทางธรณีวิทยาที่อำเภอสีคิ้ว คณะกรรมการมรดกโลกได้มาสำรวจแล้วเมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ที่สีคิ้วเรายังมีเมืองใต้บาดาล และเมืองลอยฟ้ามีกังหันลมผลิตไฟฟ้าที่จุดชมวิวเขายายเที่ยง จะมองเห็นทางด่วนสาย M6 เขื่อนลำตะคอง และเส้นทางรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ อยู่ไกลๆ ที่อำเภอพิมายมีปราทหินพิมาย และข่าวดีจังหวัดนครราชสีมาจะมีการเปิดเส้นทางการบินพาณิชย์ จากโคราชเชื่อมไปภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ จะเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ในวันที่ 2 สิงหาคม 2565 นี้ เพื่อกระตุ้นการเดินทางเข้าจังหวัดนครราชสีมาด้วย ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านให้เดินทางมาเที่ยวโคราชกันเยอะๆนะค่ะ ติดต่อสอบถามข้อเกี่ยวแหล่งท่องเที่ยวได้ที่ เพจ Facebook การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา คะ

                      เช็คอินจุดชมวิวเขาเขื่อนเลื่อนลั่น สีคิ้ว

             ตั้งอยู่ในพื้นที่เรือนจำกลางคลองไผ่ บริเวณเชิงเขาเขื่อนลั่นติดเขื่อนลำตะคลอง ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว มีพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ อยู่ในความดูแลของเรือนจำคลองไผ่ เป็นจุดเช็คอินชมวิวใหม่ของเมืองโคราช ตรงระเบียงจุดชมวิวสามารถมองเห็นอ่างเก็บลำตะคองได้แบบ Panorama 360 องศา มีทางด่วนสาย M6 และกังหันผลิตไฟฟ้าบนเขายายเที่ยง เป็น Black ground อยู่ด้านหลัง นักท่องเที่ยวสามารถ Walk-in เข้ามาได้เลยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

            ที่จุดชมวิวเขาเขื่อนเลื่อนลั่นยังมี พระพุทธมิ่งมงคลศรีชลธารคลองไผ่ พระพุทธปูนปั้นทาสีขาวปางมารวิชัยศิลปะรัตนโกสินทร์ สร้างจากแรงจิตศัรทธาของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองไผ่ ให้นักท่องเที่ยวได้ไหว้ขอพร นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟ Cook & Coff @ เรือนจำกลางคลองไผ่ ให้นักท่องเที่ยวได้ชิบกาแฟสด ชิมอาหารอร่อย ในซุ้มไม้ไผ่ บนรถตุ๊กๆ หรือบนรถจี๊บ ชมวิวอ่างเก็บน้ำลำตะคองได้อีกด้วย จุดชมวิวเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 – 18.30 น.

                        ชมพระแกะสลักหินทรายบนหน้าผา วัดเขาซับพงโพด

            วัดเขาซับพงโพด ตั้งอยู่ที่ ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเสิงสาง อยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมาประมาณ 90 กิโลเมตร ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2527 เป็นวัดป่าที่อยู่ห่างไกลชุมชน ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว พระอธิการประเทือง ธรรมปาโล เจ้าอาวาสวัดเขาซับพงโพด จึงมีดำริให้แกะสลักพระบนหน้าผาขึ้นมา เพื่อเป็น Landmark สำคัญของทางวัด จะได้ช่วยดึงดูนักท่องเที่ยวให้เขามาเยี่ยมชมวัดได้อีกทางหนึ่ง

            ทางขึ้นไปชมพระแกะสลักนั้นทำเป็นบันไดปูนประมาณร้อยกว่าขั้น แล้วต้องปีนบันไดไม้ต่ออีกสิบกว่าขั้น ใช้เวลาเดินขึ้นบันไดจากตีนเขาไปถึงองค์พระไม่เกินครึ่งชั่วโมง พระแกะสลักหินทรายบนหน้าผาฝีมือช่างท้องถิ่น ศิลปะแบบอู่ทองพระพักตร์ใหญ่ทรงสี่เหลี่ยม มีทั้งหมด 3 องค์ แกะสำเร็จแล้ว 2 องค์ อีก 1 องค์ ยังไม่เสร็จสำบรูณ์ องค์แรกเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่บนฐานดอกบัว องค์ที่ 2 เป็นองค์ที่ยังแกะไม่เสร็จ องค์ที่ 3 เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ประทับนอนอยู่บนหินชั้นที่สาม นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวบนเขาซับพงโพดได้อีกด้วย

                กราบขอพรพระนอนหินทรายโบราณ อายุ 1,300 ปี

      พระนอนวัดธรรมจักรเสมาราม ตั้งอยู่ที่เมืองเสมา ตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน เป็นพระนอนหินทรายที่เป็นปฏิมากรรมลอยตัว ศิลปะทวาราวดี อายุราว 1,200 – 1,300 ปี ที่ใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 8 เมตร สูง 2.80 เมตร ตอนที่พบครั้งแรกพระนอนถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ ส่วนอกถึงพระเศียรฝังอยู่ในดิน พระบาทตั้งขึ้นอยู่บนดิน กรมศิลปากรมาขุดค้นในปีพ.ศ. 2533 บรูณะและจัดเรียงขึ้นมาใหม่ ตั้งอยู่ในอาคารมีหลังคาครอบกันฝนเรียบร้อยแล้ว

         เมืองเสมาในอดีตเป็นเมืองใหญ่ทรงค่อนข้างกลม กว้างประมาณ 2 กิโลเมตร ยาว 3 กิโลเมตร มีคู่น้ำคันดินล้อมรอบเมือง เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีโบราณสถานต่อเนื่องกว่า 2,500 – 3,000 ปีมาแล้ว จนกระทั้งรับเอาวัฒนธรรมของทวาราวดี นำเอาพุทธศาสนาเข้ามา ก็เกิดการนับถือศาสนาพุทธขึ้นมา จัดรูปแบบของสังคมชุมชน สร้างงานศิลปะกรรมแกะสลักพระนอนจากหินทรายขึ้นมา ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 15-16 ได้รับอิทธิพลจากเขมรในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ซึ่งราชย์อยู่ที่เมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา มีการสร้างปราสาทแบบขอมขึ้นมา ปัจจุบันเหลือเพียงแท่นบูชา กองอิฐหักพัง ซากกำแพงปราสาทเท่านั้น

        

        นอกจากพระนอนแล้วในบริเวณนี้ยังขุดพบธรรมจักร กวางหมอบ แกะจากหินทราย มีที่นี้แห่งเดียวในประเทศไทย เดิมชื่อวัดคลองขวาง พอชาวบ้านขุดพบธรรมจักรในปีพ.ศ. 2482 เลยเปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดธรรมจักรเสมาราม ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในวัดแห่งนี้ ในพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงฐาน และเสา ของธรรมจักร ช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์ บัวเชิงชาย ที่แกะสลักจากหินทรายตั้งแสดงอยู่ด้วย

                 ชิมอินทผลัมสดจากต้น ที่ไร่ดังใหม่

        ตั้งอยู่ที่ตำบล จระเข้หิน อำเภอครบุรี ในพื้นที่ 30 ไร่ มีทั้งหมดประมาณ 700 ต้น อินทผลัมเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังมาแรง ชาวสวนชาวไร่ทั่วประเทศนิยมปลูกกันในขณะนี้ โดยซื้อเนื้อเยื่อพันธุ์บาฮีจากตะวันออกกลางนำเข้ามาปลูก เพราะประเทศไทยยังไม่สามารถเพาะเนื้อเยื่อเองได้ เป็นการปลูกแบบ organic ปลอดสารเคมี ได้รสชาติหวานกรอบกลมกล่อม ราคาขายในท้องตลาดมีตั้งแต่ราคา 200 – 300 บาท ต่อกิโลกรัม แล้วแต่ขนาดและความสวยของผิวผล

      ที่ไร่ดังใหม่เปิดให้เข้าชมสวนทุกวัน มีจุดให้นักท่องเที่ยวเช็คอินถ่ายรูป ตั้งแต่ป้ายทางเข้าหน้าสวน เข้ามาในสวนก็มีเวทีพร้อมป้ายชื่อไร่ดังใหม่ให้ถ่ายรูปกันอีก 1 จุด ด้านหน้าสวนมีร้านค้าให้เลือกซื้ออินทผลัมสดๆ และสินค้าของฝากจากสวนได้ เข้ามาในสวนก็ยังมีชิงช้าวงกลมให้ถ่ายรูปได้อีกใครจะพาครอบครัวมาเดินเที่ยวเล่นพักผ่อนในสวนก็ได้ หรือจะเลือกซื้อ เด็ดชิมผลอินทผลัมสุกสดจากต้นก็ได้เลย นอกจากผลอินทผลัมสดแล้ว ทางสวนยังมีการนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นน้ำอินทผลัมสด และน้ำอินทผลัมปั่นให้นักท่องเที่ยวได้ชิมรสชาติอินทผลัมที่แปลกใหม่ออกไปด้วย

                   สะพาน 100 ปี @ บ้านโคกกระชาย

         ตั้งอยู่ที่ ตำบลโคกกระชาย อำเภอ ครบุรี เป็นหมู่บ้านแรกๆในตำบลโคกกระชาย สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. 2463 เพื่อเป็นทางเชื่อมระหว่างบ้านโคกกระชายกับบ้านตะกุดใหญ่ เนื่องจากระหว่างหมู่บ้านเป็นพื้นที่ท้องไร่ท้องนา ถึงคราวหน้าทำนาชาวบ้านก็จะทำนาเต็มพื้นที่ ถึงช่วงหน้าฝนน้ำก็จะท่วม แรกเร่ิมทำเป็นสะพานแบบไม้กระดาน 3 แผ่นวางต่อกันไป ยาวประมาณ 200 เมตร ค่อยๆทำไปเพราะจะทำสะพานได้เฉพาะในฤดูเก็บเกี่ยว สร้างกันปีต่อปี มีอุปสรรคมากมายทั้งถูกน้ำพัด ไฟไหม้ กว่าจะสร้างเสร็จยาว 700 เมตร ต้องใช้เวลา 3 – 4 ปี

         ด้านหน้าสะพานมีป้ายชื่อ สะพาน 100 ปี @ บ้านโคกกระชาย ด้านหลังป้ายเป็นระเบียงจุดชมวิวดูนาขาวเขียวขจียาวสุดตาในฤดูทำนา ตรงทางลงมีป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวภายในหมู่บ้าน เดินไปบนสะพานประมาณ 200 เมตร จะมีระเบียงพร้อมป้ายสะพานร้อยปี พร้อมระหัดวิวน้ำอยู่ข้างๆ ให้เช็คอินถ่ายรูปกันอีกหนึ่งจุด เดินไปจนสุดสะพานมีร้านกาแฟของชุมชน นักท่องเที่ยวได้จิบกาแฟชมวิวท้องนากว้าง นั่งถ่ายรูปกับสะพาน สูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างสดชื่น

              พุทธยานอุทยานวังน้ำเขียว คำชะโนดวังน้ำเขียว

       ตั้งอยู่ในอำเภอวังน้ำเขียว เดิมเป็นสถานปฏิบัติธรรม ต่อมามีการสร้างรูปปั่นพญานาคขึ้นมาเป็นกุศโลบายเพื่อดึงคนเข้ามาปฏิบัติธรรม จึงเริ่มได้รับความนิยมมีคนเดินทางเข้ามาขอพรกับพญานาคเป็นจำนวนมาก ภายในสถานปฏิบัติธรรมมีบรรยากาศเหมือนที่คำชะโนด จังหวัดอุดรธานี นักท่องเที่ยวจึงเรียกว่าที่นี่ว่า คำชะโนดวังน้ำเขียว

       ภายในพุทธยานอุทยานวังน้ำเขียวมีจุดน่าสนใจอยู่หลายจุด เริ่มจากพระพุทธรูปหล่อจากทองเหลืองปางประทานพร 3 องค์ ตั้งอยู่หน้าทางเข้าเรือนเก็บพระธาตุ ที่เรือนเก็บพระธาตุมีพระธาตุรวบรวมไว้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศอยู่ในห้องนี้เกือบร้อยองค์

     ด้านหน้าทางเข้ามีวิหารไม้ทรงจั่วชั้นเดียว ภายในประดิษฐานพระพุทธศิลาเทวาปฏิมากร แกะสลักจากหินทราย ปางสมาธิให้นักท่องเที่ยวมากราบขอพรกันก่อนเป็นอันดับแรก

      เดินเข้าไปในถ้ำพญานาคนครบาล ภายในมีรูปปั่นพระพุทธเจ้า พ่อปู่ฤาษีนาคราช พญานาค 5 เศียรสีขาว แม่ย่าศรีนคราบาดาล และพญานาคีขาว ให้นักท่องเที่ยวได้ไหว้ขอโชคลาภ

      ด้านข้างของถ้ำพญานาค มีรูปปั้นพญานาคอนันตนาคราช สีฟ้าคราม ซึ่งเป็นไฮไลท์ของคำชะโนดวังน้ำเขียว ตั้งอยู่หน้าบึงน้ำ นอกจากนักท่องเที่ยวจะมาไหว้ขอพรแล้ว สามารถเดินลอดท้องพญานาคเพื่อเป็นศิริมงคลได้

     ข้ามสะพานมาก็จะพบกับศาลแม่สไบเงิน พระสีวลีเถระเจ้า กุฏิเจ้าอาวาส และปิดท้ายที่ลาน พญานาคาธิบดีศรีสุทโธ กับพญานาคิณีศรีปุทมา ท่ีตั้งอยู่คู่กัน ให้นักท่องเที่ยวไหว้ขอโชคลาภได้อีกด้วย