THEWAYNEWS > Activity > “นั่งรถไฟ KIHA 183 อิ่มบุญ ปันรอยยิ้มให้น้อง @ เมืองแปดริ้ว

     นั่งรถไฟ KIHA 183 อิ่มบุญ ปันรอยยิ้มให้น้อง @ เมืองแปดริ้ว

          เรื่อง/ภาพ สุเทพ ช่วยปัญญา สำนักข่าวท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม

     การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) สำนักข่าวท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม (สทส.) และ บริษัท เมืองไทย ครีเอทีฟ แอนด์ ทัวร์ จำกัด จัดกิจกรรมนั่งรถไฟ KIHA 183 อิ่มบุญ ปันรอยยิ้มให้น้อง @ เมืองแปดริ้ว ชมวิวกลางสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำบางปะกง อิ่มบุญ ถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์ กราบขอพรหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร ปันรอยยิ้มให้น้อง สมทบทุนการศึกษา โรงเรียนวัดบางตลาด และโรงเรียนวัดก้อนแก้ว ชิมมะพร้าวน้ำหอม Coco Cowboy สวนมะพร้าวน้ำหอมแปดริ้ว แวะช้อป ตลาดบ้านใหม่

        นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย(สธทท.) กล่าวว่า “ กิจกรรม นั่งรถไฟ KIHA 183 ขบวนพิเศษท่องเที่ยวไปตามจังหวัดรอบๆกรุงเทพมหานคร ที่ระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตรนั้น เป็นการบรูณาการณ์ร่วมกันทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยมีการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพหลัก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ นักท่องเที่ยวที่มากับรถไฟ KIHA 183 นี้ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวตลาดบน มีกำลังซื้อพอที่จะจับจ่ายใช้สอยได้เยอะ สามารถที่จะช่วยเหลือหลายๆชุมชนได้ ยิ่งได้ บวร บ้าน วัด โรงเรียน  มาร่วมในครั้งนี้ ทำให้การขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยว และทางเศรษฐกิจชุมชน มีประสิทธิ์ภาพเพิ่มมากขึ้น

       ก่อนจะพานักท่องเที่ยวมา เรากับรฟท. ก็ลงพื้นที่มาก่อน เพิ่มเตรียมความพร้อมให้สถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะพานักท่องเที่ยวมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกายภาพ ต้องสวยงาม สะอาด ปลอดภัย ซึ่งตลาดเที่ยวโดยรถไฟนั้น เริ่มเติบโตขึ้นทุกวัน มากกว่าการท่องเที่ยวโดยรถบัส และรถตู้ ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ให้ความสำคัญ กับทาง สธทท. ให้เราจัดการด้านบริการทั้งหมด ล้อ ราง เรือ บิน ครบทุกภาคขนส่งที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ที่ไหนมีเส้นทางน้ำเราก็จะเพิ่มกิจกรรมล่องเรือเข้าไปในโปรแกรมท่องเที่ยวด้วย จังหวัดไหนมีสนามบินเราก็จะบินไป แล้วกลับทางรถไฟ

       กิจกรรม นั่งรถไฟ KIHA 183 ท่องเที่ยว หลายครั้งที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เปิดจองเมื่อไหร่ก็จะเต็มเกือบทันที่ ในทุกโปรแกรมตั้งแต่เราจัดมาตั้งแต่ต้นปี และทริปที่ นั่งรถไฟ KIHA 183 มาฉะเชิงเทรา ถือเป็นทริปยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเลย เปิดเมื่อไหร่เต็มเมื่อนั้น เพราะนักท่องเที่ยวได้เที่ยวแล้ว ยังได้ อิ่มบุญ ถวายสังฆทานพระสงฆ์ กราบขอพรหลวงพ่อโสธร ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร ปันรอยยิ้มให้น้องถึง 2 โรงเรียน ในเดือนหน้าเรายังมีโปรแกรมมาที่ฉะเชิงเทราอีก ในวันที่ 1, 7 และ 8 ตุลาคม 2566 การรถไฟแห่งประเทศ เปิดให้จองแล้วครับ”

         เช็คอิน ถ่ายรูป ชมวิว กลางแม่น้ำบางประกง

    รถไฟจะวิ่งผ่านสถานีฉะเชิงเทรามาก่อน เพื่อมาจอดกลางสะพานแม่น้ำบางประกง นักท่องเที่ยวที่มา รถไฟ KIHA 183 ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เท่านั้น ถึงจะได้มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ เช็คอิน ถ่ายรูป ชมวิว กลางแม่น้ำบางประกงได้ ถ้านั่งมากับขนวบอื่นไม่สามารถลงมาถ่ายรูปกลางสะพานได้แบบนี้ เพราะรถไฟขนวบอื่นไม่สามารถจอดได้ นอกจาก รถไฟ KIHA 183 เท่านั้น  

     

           อิ่มบุญ ถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์ กราบขอพรหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร

    นักท่องเที่ยวลงจาก นั่งรถไฟ KIHA 183 แล้วก็มานั่งรถบัสต่อไปที่ วัดโสธรวรารามวรวิหาร ถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์ และนักท่องเที่ยวร่วมกันทำบุญ วันที่ 23 กันยายน 2566 ได้เงินถวายวัดเป็นจำนนวนเงิน 1,3146 บาท และวันที่ 24 กันยายน 2566 ได้เงินเข้าวัดเป็นจำนนวนเงิน 1,7960 ทางวัดก็มีพระเครื่องแจกนักท่องเที่ยวนำกลับไปบูชาคนละ 1 องค์ เสร็จแล้วก็ไปกราบขอพรกับองค์หลวงพ่อโสธร ในพระอุโบสถเป็นอันเสร็จกิจกรรมที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร

        ชมต้นจันอายุร้อยปี วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์

    วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ หรือวัดเมือง เป็นโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองฉะเชิงเทรา ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2377 สมัยรัชกาลที่ 3 พร้อมๆ กับการสร้างป้อม และกำแพงเมือง เพื่อกำหนดขอบเขตของแปดริ้ว เป็นปราการรักษาเมือง และชาวบ้านชาวเมืองให้ปลอดภัยจากข้าศึกศัตรู โดยช่างฝีมือจากเมืองบางกอก มีรูปแบบสถาปัตยกรรม ใกล้เคียงกับพระปรางค์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่กรุงเทพมหานคร

      เนื่องจากวัดตั้งอยู่ในเมือง ชาวบ้านจึงเรียกว่า วัดเมือง ต่อมาในปี พ.ศ. 2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสฉะเชิงเทรา จึงได้พระราชทานนามว่า วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ ซึ่งมีความหมายว่า วัดที่ลุงของพระเจ้าแผ่นดินสร้าง

       มีเรื่องเล่ากันต่อๆมาว่า ในสมัยรัชกาลที่ 3 ชาวจีนที่อพยพเข้าอาศัยในเมืองไทย ตั้งตัวเป็นก๊กเป็นเหล่า รวมตัวเป็นอั่งยี่  รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าให้ปราบปรามโดยเด็ดขาด อั่งยี่ถูกจับมาประหารตัดหัวแขวนประจาน ที่ใต้ต้นจัน ณ วัดแห่งนี้ทั้งหมด 3,000 คน      

          มื้อกลางวันที่ร้าน The River BARN

    นักท่องเที่ยวทานมื้อกลางวันที่ร้าน The River BARN ริมแม่น้ำบางปะกง แบบนั่งโต็ะละ 6 คน เสิร์ฟร้อน อาหารออกไว เมนูนำมาด้วย ออเดิร์ฟ ยำคะน้า ยำปลาดุกฟู ไก่ทอด เมนคอร์สประกอบด้วยปลากะพงทอดน้ำปลา แกงส้มยอดมะพร้าวอ่อน ต้มยำทะเล และผลไม้ตามฤดูกาล ปิดท้าย รสชาติออกกลางๆไม่เผ็ดเกินไป นักท่องเที่ยวไทย ญี่ปุ่น ฝรั่ง ทานได้อิ่มอร่อยพอใจอย่างมาก 

           ชิมช้อป ตลาดบ้านใหม่

     ไปช้อปกันต่อที่ ตลาดบ้านใหม่ ตลาดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนส่วนมากเป็นคนไทยเชื้อสายจีน หน้าตลาดมีจุดเช็คอินให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปก่อนเข้าตลาด ตัวตลาดมีทางเดินเข้าสู่ตลาดอยู่ตรงกลาง สองฝั่งเป็นอาคารทำด้วยไม้ทั้งหลัง ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้อย่างดี ทำให้บรรยากาศแบบย้อนยุค ดูน่าค้นหา

       เป็นศูนย์รวมอาหารคาวหวานของเมืองแปดริ้ว ที่หาทานได้ยากแล้วในปัจจุบัน ร้านขายของเล่นเด็ก ร้านกาแฟแป๊ะเอ๊ย  หมี่กรอบโบราณ ขนมไข่ ขนมตาล ขนมกุยช่าย มะพร้าวแก้ว ขนมกาละแม ไอศกรีมกระทิ ชนมปังปิ้งไส้ลาวา ขนมหม้อแกง ทอดมันไส้ไข่เค็ม เดิมข้ามสะพานไปยังมีร้านกาแฟเก๋ๆ Rad cat cafe ให้นั่งจิบกาแฟซิวๆอีกด้วย

        ปันรอยยิ้มให้น้องโรงเรียนวัดบางตลาด

     ช่วงบ่ายหลังจากทานอาหารกลางวันกันแล้ว ก็เดินทางต่อไปยังโรงเรียนวัดบางตลาด เพื่อ ปันรอยยิ้ม มอบทุนการศึกษาให้กับน้องๆ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ยังขาดโอกาสทางด้านทุนการศึกษาอยู่มาก เมื่อเทียบกับโรงเรียนใหญ่ๆในตัวเมืองฉะเชิงเทรา

       น้องๆได้บรรเลงเพลงวงดนตรีไทยต้อนรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้นักเรียนยังนำผลิตภัณฑ์ ที่ทำกับทางครอบครัวมาจำหน่ายใ้ห้กับนักท่องเที่ยวด้วย นักท่องเที่ยวที่มากับ รถไฟ KIHA 183 วันเสาร์ที่ 23 กันยายน 2566 ร่วมกันสมทบเงินเป็นทุนการศึกษาให้น้องเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 17,395 บาท

           ปันรอยยิ้มให้น้องโรงเรียนวัดก้อนแก้ว

     

       ในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2566  นักท่องเที่ยวที่มากับ รถไฟ KIHA 183 ได้เดินทางมาที่โรงเรียนวัดก้อนแก้ว ซึ่งก็เป็นโรงเรียนที่ยังขาดโอกาส เรื่องทุนการศึกษาอยู่มากเหมือนกัน มีนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 เพียง 51 คนเท่านั้น นักท่องเที่ยวได้ร่วมกันสมทบเงินเป็นทุนการศึกษาให้น้องเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 37,021 บาท

             ดื่มน้ำมะพร้าว Coco Cowboy สวนมะพร้าวน้ำหอมแปดริ้ว

       ปิดท้ายด้วยการมาทำกิจกรรม และดื่มมะพร้าวน้ำหอมที่ Coco Cowboy สวนมะพร้าวน้ำหอมแปดริ้ว ไม่ได้เฉพาะชมสวนมะพร้าว และดื่มน้ำมะพร้าวเท่านั้น ทางสวนยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวร่วมอีก 2 กิจกรรม

      นักท่องเที่ยวแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกให้นักท่องเที่ยวร่วมทำขนมบ้าบิ่น ที่อยู่ทางด้านของสวนมะพร้าว ลองทำขนมบ้าบิ่นเสร็จก็แจกขนมบ้าบิ่นให้ชิมความอร่อยคนละหนึ่งกระทง

      กลุ่มที่สองลูกเจ้าของสวนพาเดินไปในสวนมะพร้าว เพื่อไปยังจุดทำกิจกรรมทดลองทำขนมต้ม ระหว่างทางก็บรรยายประวัติความเป็นมาของ Coco Cowboy สวนมะพร้าวน้ำหอมแปดริ้ว ให้นักท่องเที่ยวได้กับรู้กันด้วย

      ส่วนกลุ่มที่  3 แยกไปดื่มน้ำมะพร้าวน้ำหอมสดชื่นของ Coco Cowboy กันก่อน มีทีมสตาฟฟ์คอยบริการผ่าลูกมะพร้าวให้คนละ 1 ลูก พร้อมทั้งมีช้อนให้ขูดเนื้อมะพร้าวออกมาทานได้ด้วย ใครทานเสร็จก็ถ่ายรูปเช็คอินกันต่อได้

   นั่งรถไฟ KIHA 183 อิ่มบุญ ปันรอยยิ้มให้น้อง @ เมืองแปดริ้ว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 -24 กันยายน 2566 จังหวัดฉะเชิงเทรา