THEWAYNEWS > Travel > In bound > ล่องแพชิมปลาเขื่อน เยือนถิ่นชุมชนญวน ชมปราสาทหิน ดูผีเสื้อปางสีดา สระแก้ว

               ล่องแพชิมปลาเขื่อน เยือนถิ่นชุมชนญวน ชมปราสาทหิน ดูผีเสื้อปางสีดา สระแก้ว

        พูดถึงสระแก้วนักท่องเที่ยวมักจะมองข้ามผ่านไปข้ามประเทศกัมพูชา ถ้าจะมาเที่ยวก็นึกถึงแค่ตลาดโรงเกลือ อันที่จริงสระแก้วเป็นจังหวัดที่ติดชายแดน จึงมีวัฒนธรรมหลากหลาย ปราสาทหินก็มากมาย ล่องแพในเขือนก็มี อุทยานมรกดโลกยิ่งใหญ่ ทริปนี้ผมจะพาไป ล่องแพชิมปลาเขื่อน เยือนถิ่นชุมชนญวน ดูผีเสื้อปางสีดา เจาะลึก สระแก้ว

              แวะดื่มกาแฟควายคะนอง กาสรกสิวิทย์

      โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ ตั้งอยู่ที่ถนนสุวรรณศร ตำบล ศาลาลำดวน อำเภอเมืองสระแก้ว จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บนที่ดินของ นายสมจิตต์ และนางมณี อิ่มเอย น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน จำนวน 110 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา เพื่อเป็นถานที่ฝึกกระบือให้สามารถทำการเกษตรกรรม และเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมการเกษตรท้องถิ่น และภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมทั้งให้เกษตรกรได้เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบพอเพียงวัน

       ภายในจัดเป็นศูนย์การเรียนรู้ มีแปลงนาจำนวน 8 แปลง เป็นแปลงนาดำ 4 แปลง  นาหว่าน 4 แปลง ถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์การทำการเกษตร ให้เกษตรกร เยาวชน และประชาชนที่สนใจการใช้กระบือทำการเกษตรกรรม ฝึกกระบือจากธนาคารโค – กระบือเพื่อเกษตรกรให้ทำเกษตรกรรม ด้านหลังมี บ้านดิน เป็นที่พักของผู้เข้ารับการฝึกอบรม และวิทยากร

            ด้านหน้าของ โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ มีสระน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่ประมาณ 12 ไร่ เลี้ยงปลา 9 สายพันธุ์ ริมสระปลูกต้นไม้หลายชนิด โดยเฉพาะต้นมะรุม และต้นรัก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “รัก” สระมะรุมล้อม

          ร้านกาแฟควายคะนองตั้งอยู่ริม สระมะรุมล้อม เป็นที่พักพักผ่อนของคนแถวนี้ นักท่องเที่ยวต้องแวะพักรถ จิมกาแฟ ทานอาหารก่อนเข้าตัวเมืองสระแก้ว นั่งจิมกาแฟ ช็อคโกแลต ชาเขียว คู่กับขนมโฮมเมคสุดอร่อย ชมบรรยากาศร่มรื่นริมสระ มองเห็นฝูงควายเดินริมหญ้าใกล้ท้องทุ่งนาเขียวขจีอยู่ไกลๆ หรือจะทานอาหารจานเดียวก็มีให้เลือกสั่งได้หลายเมนู

                กราบขอพรหลวงปู่บุดดา วัดป่าวังใต้

         วัดป่าใต้พัฒนราม ตั้งอยู่ที่ บ้านป่าใต้ ตำบล โนนหมากเค็ง อำเภอวัฒนานคร ตัวพระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์สมัยใหม่ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ผนังก่ออิฐประดับลวดลายปูนปั้นสีขาวทั้งหลัง หลังคาช้อนกัน ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหยกขาว ปางมารวิชัย ตั้งเรียงกัน 3 องค์ ให้สอดครองกับหลังคาที่ซ้อนกัน 3 ชั้น

         ใบเสมาทำหินแกรนิต แกะลายธรรมจักร ลงรักปิดทอง วางอยู่บนแท่นหนุมารยกพระพรหม 4 หน้า ทำจากปูนปั้นทาสีขาวสลับสีทอง ตั้งประจำทิศตั้งแปด มีรูปปั่นสัตว์หิมพานต์ ครุฑ ช้างแก้ว กินนรี ปลาใหญ่ และอีกหลายตน ตั้งอยู่บน กำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ

        หลวงปู่บุดดา เจ้าอาวาสวัดป่าใต้พัฒนราม พระเกจิ 6 แผ่นดินอายุ 111 ปี พระเถระผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา งดงามด้วยปฏิปทาจริยาวัตร เคร่งครัดในพระธรรมวินัย คณะของเราโชคดี มีบุญ เป็นที่สุด ที่ได้เข้ากราบขอพร หลวงปู่บุดดา อย่างใกล้ชิด

            ล่องแพ ดูนกอ้ายงั่ว ชิมปลาเขื่อนพระปรง

     เขื่อนพระปรง เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดสระแก้ว ตั้งอยู่ใน ตำบลช่องกุ่ม อำเภอวัฒนานคร หนึ่งในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 สร้างกั้นต้นน้ำห้วยพระปรง ซึ่งเป็นลำน้ำที่ไหลลงมาจากอุทยานแห่งชาติปางสีดา เพื่อเก็บกักน้ำไว้ให้ประชาชน ใช้อุปโภคบริโภค ทำเกษตรกรรมในฤดูแล้ง ภายอ่างเก็บเต็มไปด้วยพันธุ์ปลานานาชนิดโดยเฉพาะนกน้ำขนาดใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์ อย่าง นกอ้ายงั่ว หรือนกงู ถือเป็นแหล่งหากินของนกงู ที่ใหญ่ที่สุดของไทย

       คณะของเรามาล่องแพทานอาหารมื้อกลางวัน กันที่อ่างเก็บเขื่อนพระปรง ตรงทางเข้าอ่างเก็บน้ำมีที่จอดรถสะดวกสบาย มีห้องน้ำให้บริการนักท่องเที่ยวก่อน และหลังลงไปล่องแพ ก่อนลงแพเราจะต้องสั่งอาหารตามร้านที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าเขือน มีหลายร้านให้เลือกสั่งได้ตามใจชอบ หรือจะนั่งทานตามซุ้มไม้ไผ่ริมอ่างเก็บน้ำก็ได้

       ก่อนแพจะล่องออกไปอาหารที่สั่งไว้น้องๆก็เอามาส่งที่แพ ด้วยรถมอเตอร์ไซด์พวงข้างเป็นที่เรียบร้อย เมนูก็หลากหลาย เร่ิมด้วย ออร์เดิร์ฟอีสาน ไก่ทอด ส้มตำข้าวโพด ตามด้วยเมนคอร์ส ปลานิลทอดสมุนไพร ผัดปลาช่อนขึ้นฉ่าย ต้มยำปลาคัง ปลาคังผัดฉ่า และปิดท้ายด้วยเมนูปลาช่อนเผา ปลาช่อนเนื้อเด้งหอมควันไฟไม่มีกลิ่นคาว จิ้มน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้าน ตัดด้วยมะเขือเผา อร่อยมากขอบอก ที่นี่สดมากเพราะเป็นเลี้ยงในกระชังริมเขื่อนเป็นส่วนใหญ่

        ล่องแพนั่งทานมื้อกลางวันไป มองหานกอ้ายงั่วก็เห็นหลายตัวเหมือนกัน จะยกกล้องขึ้นถ่ายก็ไม่ทันเสียแล้วบินไปไวมาก ใช้เวลากับมื้อกลางวัน สูดลมหายได้สดชื่น ชมธรรมชาติรอบอ่างเก็บน้ำเพลินๆ เวลาผ่านไปเร็วมากเกือบ 2 ชั่วโมง แพก็ถ้าส่งเทียบจอดส่งคณะของเราขึ้นบกอย่างมีควมสุขกับมื้อกลางมื้อนี้ แนะนำว่าถ้าสระแก้วต้องแวะมา ล่องแพ ดูนกอ้ายงั่ว ชิมปลาเขื่อนพระปรง ด้วย

                    ละลุ ปรากฎการณ์หลุมยุบมหัศจรรย์ธรรมชาติ

        ตั้งอยู่ที่ บ้านคลองยาง ต.ทัพราช อ.ตาพระยา เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติบนพื้นดินกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำฝนกัดเซาะพื้นดินแดงลูกรังให้เป็นหลุมยุบลงไป แล้วถูก แสงแดด น้ำฝน และสายลมพัดกระหนำซ้ำเติมลงไป จนเป็นรูปทรงต่างๆ แท่ง แนวยาว และอีกมากมาย มัหศจรรย์สวยงามแปลกตา แล้วแต่ธรรมชาติจะสร้างสรรค์ขึ้นมา แท่งดินแต่ละเท่งก็จะมีอายุยืนยาวไม่เท่ากัน จะเปลี่ยนแปลงรูปทรงไปทุกปี ขึ้นอยู่กับการกระทำของธรรมชาติอีกเช่น

       มาเที่ยวสระแก้วก็ต้องรีบมาดู เช็คอิน ถ่ายรูป อัพเดท แท่งภูเขาอยู่ด้านหน้า แท่งสโตนเฮนจ์อยู่ตรง แท่งปิรามิดอยู่ท้ายสุด (ผมตั้งชื่อใหม่ 3 แท่ง) ละลุ 3 แท่ง ที่ตั้งเรียงกันไปอยู่หลังป้าย ละลุ อีกที โดยเฉพาะ ละลุ รูปทรงปิรามิดที่อยู่หลังสุด มีขนาดเล็กลงทุกปี เพราะมาแต่ละครั้งรูปทรงของ ละลุ ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ปีหน้ามาดูอีกครั้งก็อาจมี ละลุ แท่งปีรามิด ให้เห็นแล้ว

                   สัมผัสวัฒนธรรม ชุมชนญวนมิตรสัมพันธ์

           ชุมชนญวนมิตรสัมพันธ์ หรือซอยบ้านญวน ตั้งอยู่ที่ ถนนมิตรสัมพันธ์ ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ มีวัดเจริญบุญซึ่งเป็นวัดญวนเป็นศุนย์กลางของชุมชน ชาวเวียดนามได้อพยพเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2489 โดยเข้ามาประเทศไทยทางด่านปอยเปต ตำบลคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ความเป็นอยู่ราบรื่นดี พอเกิดสงครามเวียดนามขึ้นมาก็ถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลไทย ความเจริญในชุมชนก็ลดน้อยถอยลง จนสงครามจบลงความเป็นอยู่จึงกลับมาราบรื่นเหมือนเดิม

            ปัจจุบันผู้นำชุมชนก็ยังเป็นคนเชื้อชายเวียดนาม พยายามฟื้นฟู อนุรักษ์ รักษาและส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมของชาวเวียดนาม ไม่ให้สูญหายไปจากสังคมไทย และจังหวัดสระแก้ว ด้วยการปรับปรุงให้ซอยให้เป็นถนนคนเดิน ชิมอาหารญวนได้ตลอดทั้งสาย วาดภาพ Street Art ริมกำแพงบ้านในชุมชนเป็นจุดให้นักท่องเที่ยวมาเช็ดอินถ่ายรูป จัดให้วัดเจริญบุญเป็นลานวัฒนธรรม ให้เด็กๆนักเรียนแต่งชุดอ่าวหญ่าย มาแสดงโชว์ต่าง ต้อนรับถ่ายรูปคู่กับนักท่องเที่ยว

                          วัดเจริญบุญ วัดญวนแบบดังเดิม

           ในชุมชนมิตรสัมพันธ์ สร้างเมื่อ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2479 เดิมชื่อวัดกองอ๊อด ตั้งชื่อตามชื่อคนสร้างโดย นายกอง อ๊อด ตรีพยัคฆา เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการสร้างวัดนี้ ต่อมาได้เปลี่ยนนามเป็น “วัดเจริญบุญ” ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492

          ภายในวัดมีโบสถ์แบบวัดญวนดังเดิม หันหน้าไปทางทิศใต้ตั้งอยู่ตรงกลาง ตัวโบสถ์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายกพื้นสูงสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก เขตวิสุงคามสีมากว้าง 13 เมตร ยาว 16 เมตร หลังคาทรงโค้งแบบญวน มีปูนปั้นรูปธรรมจักรประดับอยู่กลางหน้าจั่ว มีบันได้ทางขึ้นอยู่ทางด้านหน้าโบสถ์ และบันไดทางลงอยู่หลังโบสถ์ ภายประดิษฐานพระพุทธรูปทองเหลืองปางสมาธิอยู่ 3 องค์

       มีหอระฆังตีบอกเวลาหลังคาซ้อนกัน 2 ชั้น ตั้งอยู่หลังโบสถ์ ส่วนด้านหน้าโบสถ์มีศาลาเสาร์เดียวแบบญวนตั้งอยู่ ในประดิษฐาน

                 มื้อค่ำทานอาหารญวน ร้านยายต๊าม

         ร้านยายต๊าม ตั้งอยู่ที่ ถนนมิตรสัมพันธ์ ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ เป็นร้านอาหารญวนเจ้าแรกในอำเภออรัญประเทศ เปิดขายมานานกว่า 60 ปี เริ่มตั้งแต่หาบขายจนมาเปิดร้านในปัจจุบัน มีร้านเดียวไม่มีสาขาอื่น มีบริการส่งทั่วประเทศ ภายในร้านตกแต่งเรียบง่ายด้วยโทนสีขาว ด้านหน้าติดบานกระจกให้โปร่งแสงเต็มช่วงเสา ผนังปุกระเบื้องเคลือบสีขาว ทำให้ร้านดูสะอาดตาน่านั่งทานอาหาร

         เมนูที่สั่งมาทานเป็นมื้อเย็นสำหรับวันนี้ เริ่มตนด้วย Starter ข้าวเกรียบปากหม้อ, ทอดมันปลาเวียดนาม, เปาะเปี๊ยะสด, เปาะเปี๊ยะทอด เรียกน้ำย่อยกันก่อน ตามด้วย Main Cross ยำหมูยอ, ขนมเบื้อญวน, เส้นหมี่หน้าหมู ทำใหม่สดเสิร์ฟร้อนอร่อยทุกเมนู ปิดท้ายด้วย เมนูแหนมเนือง ผมยกให้เป็นพระเอกของมื้อนี้ ตัวแหนมเนืองทำจากเนื้อหมู 100 % ไม่มีการผสมแป้งแต่อย่างใด

                  มื้อเช้า ทานโจ๊กญวนที่ตลาดอรัญประเทศ

        มื้อเช้า รู้สึกเบื่ออาหารทานเช้าที่โรงแรม มาเดินตลาดเช้าหาของกินแบบคนท้องถิ่นเขากินกัน ก็มาเจอร้านโจ๊กญวน มีคนนั่งทานที่ ยื่นต่อคิวซื้อกลับบ้าน ไม่ลองไม่ได้แล้วต้องมาลองชิมสักถ้วย หน้าตากับคล้ายโจ๊กที่เรากินอยู่ทุกวันนี่แหละ

        ต่างกันตรงที่เขามีข้าวกล้องสีม่วงเข้มให้เลือกด้วย หรือจะผสมกัน 2 อย่างในถ้วยเดียวกันเลยก็ได้ มีทั้งใส่ไก่หรือใส่หมูให้เลือกด้วย โรยด้วยกระเทียมเจียวสีเหลือง ท๊อปด้วยผักโรย น่าทานมาก รสชาติก็คล้ายกับโจ๊กบ้านเรา ไม่ถูกปากก็มีเครื่องปรุงให้เติมได้ตามใจชอบ มาถึงสระแก้วแล้วต้องลองชิม เพราะมีขายเฉพาะที่นี่ที่เดียว แม้กระทั่งเวียดนามก็ไม่มีขายครับขอบอก

                 บ้านพร้าว หมู่บ้านข้าวหลาม

          บ้านพร้าว อยู่ที่อำเภอวัฒนานคร การปลูกมะพร้าวมะพร้าวกันทั้งหมู่บ้าน จึงทำภูมิปัญญาท้องถิ่น เอาเนื้อมะพร้าวมาคั้นเป็นกระทิสด เพื่อนำไปเป็นส่วนผสมของการทำเป็นข้าวหลาม ทำกันมากว่า 50 ปี วางขายเป็นของฝากของบ้านพร้าวให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อกลับบ้าน

         ข้าวหลามบ้านพร้าว มีให้เลือกทั้งข้าวเหนียวขาว และข้าวเหนียวดำ เอกลักษณ์ของข้าวหลามบัานพร้าวก็คือ ข้าวเหนียวเนื้อนุ่ม กระทิชุ่มฉ่ำ ไส้สังขยาจะยาวถึงก้นกระบอก รสหวานพอประมาณ มีวางขายทั่วทั้งหมู่บ้าน เริ่มตั้งแต่ 4 แยกวัฒนานคร เรื่อยมาถึงริมถนนสุวรรณศร จะเห็นแผงขายข้าวหลามบ้านพร้าวไปตลอดทาง ชอบร้านไหนแวะซื้อกลับบ้านได้เลย

                   หมู่บ้านทับทิมสยาม 05 หมู่บ้านผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

         ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลคลองไก่เถื่อน อำเภอคลองหาด มีพื้นที่ประมาณ 9,960 ไร่ มีแนวเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา โดยมีคลองน้ำใสเป็นเขตแดนกั้นระหว่างไทย-กัมพูชา ได้กับการจัดตั้งให้เป็น หมู่บ้านทับทิมสยาม 05 เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ 2537 เพื่อเป็นหมู่บ้านตัวอย่างในการนำผลการทดลองค้นคว้า สาธิต ในด้านการเกษตร ส่งเสริมอาชีพการทำเกาตรกรรม และขยายผลไปยังหมู่บ้านอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง มีผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 150 ครัวเรือน ทุกครัวเรือนจะได้ที่ปลูกบ้านคนละ 1 ไร่ พร้อมที่ทำกินอีกคนละ 10 ไร่ ในพื้นที่ประมาณ 9,960 ไร่

         และปลูกบ้านให้คนละ 1 หลัง ได้รับการอนุเคราะห์ออกแบบ และจัดสร้างจากรัฐบาลประเทศเยอรมัน เป็นบ้านสองชั้นผนังก่อด้วยอิฐมอญ หลังคามุงด้วยกระเบื้อลอนเล็ก มีบันไดขึ้นชั้นสองจากนอกตัวบ้าน ทรงเดียวกันหมดทั้ง 150 พร้อมสร้างหลุมหลบภัยให้ด้วยทุกหลัง ซึ่งปัจจุบันเกือบทุกหลังจะก่อสร้างต่อเติมจนไม่เห็นโครงเดิม แต่ก็มีบางหลังที่ยังคงสภาพอยู่เหมือนเดิม ก็เหมือนกับหลุมหลบภัยส่วนก็ทุบไปหมดแล้ว แต่ก็มีบ้างหลังที่ยังมีหลุมหลบภัยให้นักท่องเที่ยวได้มาเช็คอินถ่ายรูปเพื่อระลึกสงครามเขมรแดงในอดีต

                    Marogo Park ร้านกาแฟ หมู่บ้านทับทิมสยาม 05

           ตั้งอยู่ภายใน หมู่บ้านทับทิมสยาม 05 Marogo Park เป็นร้านของคนที่อาศัยทำกิน หมู่บ้านทับทิมสยาม 05 ด้วยการนำที่ดินจำนวน 10 ไร่ ที่ได้รับการจัดสรรให้เป็นทำกิน นำมาทำเป็นไร่ทานตะวัน ปลูกดอกกุหลาบกางมุง

        และปรับปรุงให้เป็นท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกับดอกทานตะวัน ชมดอกกุหลาบหลากสี ด้านหน้าเปิดเป็นร้านกาแฟสด และเบเกอรี่โฮมเมด ให้นั่งจิบกาแฟชมวิวเขาที่ล้อมรอบหมู่บ้านได้อย่างสบายใจ เพลินตา

                      ไหว้ขอโชคลาภ แม่ยายซอม วัดแม่ย่าซอม

            ตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองหาด อำเภอคลองหาด สระแก้ว เป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของชาวอำเภอคลองหาด จากเรื่องเล่าผ่านการเข้าทรง เล่าต่อๆกันมาว่าจนชาวบ้านเชื่อว่า แม่ย่าซอมท่านเป็นพระมเหสีสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม นักท่องเที่ยวนิยมมากราบขอโชคลาภ ดารานักร้อง นักแสดง ก็ให้โด่งดัง

          ภายในวัดมีศาลา แม่ย่าซอม เป็นศูนย์กลางของวัด หน้ามีพระพิฆเนศ องค์ใหญ่สีทองเหลืองอร่ามตั้งอยู่ ใต้ฐานก็มีพระพิฆเนศปางต่างให้ไหว้ขอพรได้ตามวันเกิด เลยเข้ามาหน่อยก็เป็นวิหารทรงจตุรมุข เดินต่อไปก็จะพบกับบ่อพญานาค 5 เศียร ถัดไปก็เป็น พระราหูองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้านหลังก็กำลังก่อสร้างพระพุทธรูปปางค์ต่างๆอีกมากมาย เรียกว่ามาที่วัดแม่ย่ายซอมได้ไหว้ขอพร ขอโชคลาภจากองค์เทพเกือบครบทุกองค์ครับ 

                         ชิมอินทผลัมหวานหอม ที่สวนวังน้ำฟ้า

            ตั้งอยู่ที่ บ้านวังน้ำฝน ตำบลวังใหม่ อำเภอวังสมบูรณ์ เป็นศูนย์เพาะเนื้อเยื่ออินทผาลัมนำเข้าจากต่างประเทศ เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่เกษตรผสมผสาน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ด้วย

           สวนอินทผาลัม วังฟ้า มีลักษณะเป็นสวนที่อยู่ในป่า ปลูกอินทผาลัมพันธ์ุ Barhee และพันธุ์ Um Ed Dahan 1,100 ต้น มะม่วงหาวมะนาวโห่ 400 ต้น ส้มโอเวียดนามกับส้มโอพันธุ์ไทย 200 ต้น และปลูกไม้ดอกไม้ประดับอีกชนิด บนพื้นที่ 50 ไร่ เป็นทำเกษตรกรรมแบบ Oganic ไม่ใช้สารเคมี และปุ๋ยเคมี ใช้แต่ปุ๋ยอินทรีย์เท่านั้น

            ไฮไลท์ของสวนอินทผาลัม วังน้ำฟ้า ก็คือ “น้องมะลิ” ต้นอินทผาลัมพันธุ์ Um Ed Dahan ที่กลายพันธ์ดี ทั้งสวนมีเพียงต้นเดียว ให้ผลดก สีเหลืองเข้มออกแดง เนื้อแน่นกรอบ รสชาติหวานหอม ขายได้ราคา ที่สวนนี้อินทผาลัมจะสุกเต็มที่ในเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม มาก่อนได้กินก่อนหมดแล้วหมดเลย อยากกินจริงๆต้องจองกันข้ามปีเลยทีเดียว เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 7.30 – 18.00 น. จองเข้าชมสวนได้ เพจสวนวังฟ้า ครับ  

                  ดูค้างคาวยามเย็นที่ ร้านมีเขามีเรา คาแฟ เขาฉกรรจ์

          ตั้งอยู่ที่ ตำบลเขาฉกรรจ์ อำเภอเขาฉกรรจ์ ร้านเป็นอาคารชั้นเดียวมีชั้นแบบ Outdoor เป็นซุ้มมุงจากอยู่หลายซุ้ม มีส่วนที่เป็นห้องแอร์ให้นั่งจิบกาแฟดับร้อนได้ ด้านหน้ามีสะพานสายรุ้งทอดยาวจากหน้าร้านไปถึงถนนทางเข้าร้าน ด้านขวาของร้านมีชิงช้าขนาดเล็กเป็นสัญลักษณ์ของร้าน ด้านซ้ายของรา้นก็มีหอให้ขึ้นชมวิวดูค้างยามเย็นได้ด้วย เมนูเครื่องดื่ม ชา กาแฟเย็น ชาเขียว นมสด ทานกับขนมปังปิ้งทาเนย นม น้ำตาล หวานกรอบอร่อย นอกจากนี้ก็ยังมี เบเกอรี่ Homemade อาหารจานเดียว ข้าวต้มยามเช้า ให้เลือกสั่งทานด้วย ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 8.00 – 20.00 น

          ไฮไลท์ ร้านมีเขามีเรา คาแฟ เขาฉกรรจ์ อยู่ที่ตอนช่วงเย็นครับ วันนี้เราโชคดีมาทันเวลาพอดี จุดที่ดีสุดสดของการดูค้างต้องขึ้นไปดูที่หอชมวิวข้างร้านครับ จะได้เห็นค้างคาวนับล้านตัว บินออกจากถ้ำต่อกันเป็นสายยาวคดไปโค้งมา นานเป็นชั่วโมงกว่าจะหมด เริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็นเป็นต้นไปค้างคาวเขาฉกรรจ์จะเริ่มบินออกจากถ้ำไปหากินไกลถึงชายทะเลไทย และชายทะเลประเทศกัมพูชา จะกลับเข้าถ้ำอย่าช้าสุดเจ็ดโมงเช้า เนื่องจากเป็นค้างคาวกินแมลงก็จะเห็นตัวค้างคาวเล็กหน่อย

.

               เทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา

            อุทยานแห่งชาติปางสีดา มีพื้นที่ครอบคลุม อำเภอสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว อำเภอวัฒนานคร และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ครอบคลุมพื้นที่ 527,500 ไร่ เดิมเป็นพื้นที่ของโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ในปีพ.ศ.2525 เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ค้นคว้าศึกษา และเพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ มีสัตว์ป่าหายาก และนกกว่า 300 ชนิด เช่นนกเงือก นกยูง รวมถึงแหล่งอาศัยของจรเข้น้ำจืด ที่เหลือเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรกดโลกทางธรรมชาติจาก Unesco เมื่อปีพ.ศ.2548 พร้อมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

       เทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีตั้งแต่เดือน กรกฎาคม ไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาดู ถ่ายรูป ศึกษาค้นหาผีเสื้อพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีมากกว่า 500 ชนิด ที่ค้นพบในตอนนี้ นอกจากนี้ยังมีการประกวดภาพถ่ายผีเสื้อ จัดโดย อุทยานแห่งชาติปางสีดา ร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระแก้ว ชิงรางวัลมากมายอีกด้วย

        ทานอาหารเช้าเสร็จคณะของเราก็ดูผีเสื้อที่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา กันทันที่เพื่อไม่ให้สายจนเกินไป เดี๋ยวผีเสื้อจะกลับเข้ารังก่อน แต่ก็ต้องพบกลับข่าวร้าย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา บอกว่าวันนี้มีผีเสื้อออกมาหากินที่โปรงเทียมน้อยมา (เจ้าหน้าอุทยานฯสร้างโปรงเทียมขึ้นมาที่หน้าทางเขาอุทยานฯเพื่อให้นักท่องเที่ยวมาดูผีเสื้อ) ทั้งที่ทุกวันมีมากกว่านี้ ผมจึงถ่ายรูปผีเสื้อที่บินมาหากินที่โปรงเทียมได้แค่ 6 ตัวเท่านี้ ทั้งที่ก่อนมาจินตนาการว่าวันนี้ต้องถ่ายผีเสื้อได้เป็นฝูงแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไรวันี้ถือว่าโชคไม่ดีคราวน่าจะมาแก้มือใหม่

                    น้ำตกปางสีดา อุทยานแห่งชาติปางสีดา

           ตั้งอยู่ตรงปากทางเข้า อุทยานแห่งชาติปางสีดา มีป้ายบอกทางไปน้ำตก เดินลงบันไดไปประมาณ 100 เมตร ก็เห็นตัวน้ำตกแล้ว อยุ๋ท่ามกลางป่าไม้เขียวขจี ตัวน้ำตกก็ไม่ใหญ่เท่าใดนัก สูงประมาณ 5 เมตร กว้างประมาณ 10 เมตร ช่วงนี้หน้าน้ำก็จะเยอะหน่อย ทำให้ถ่ายรูปได้สวยงามเพิ่มมากขึ้น

           มีจุดให้ถ่ายรูปหลายจุดเหมือนกัน ถ้าถ่ายหน้าน้ำตกเลยก็จะได้ภาพน้ำตกยิ่งอลังการ หรือจะข้ามไปถ่ายอีกฝั่งหนึ่งของน้ำตกก็จะได้ภาพใกล้น้ำตกเป็นอย่างมาก หรือเดินลงไปที่ธารน้ำตกแล้วถ่ายกลับเข้ามาก็จะได้ภาพน้ำตกอยู่ในกรอบต้นไม้ 2 ต้นพอดี ถ้ามีนางแบบไปด้วยก็จะทำให้ภาพน้ำตกมีเรื่องราวเพิ่มมาขึ้น

                  แหล่งหินตัด บ้านทัพไทย

          ตั้งอยู่ที่ ตำบลทัพไทย อำเภอตาพระยา เป็นแหล่งหินตัดที่สันนิษฐานว่านำไปสร้าง ปราสาทสต๊กก๊อกธม เมื่อก่อนยังไม่รู้ว่าหินที่นำมาสร้างนั้นเอามาจากไหน เพราะอำเภอตาพระยาอยู่จากอำเภอโคกสูง ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทสด๊กก๊อกธมถึง 50 กิโลเมตร เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2523 ปี ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ปัจจุบันก็เป็นคนในชุมชนบ้านทับทิมสยาม 03 ตำบลทัพไทย เห็นเนินเขาที่มีรอยตัดหินเป็นชั้นๆ แล้วเอาเรื่องไปบอกกับผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยพิทักษ์ อุทยานแห่งชาติตาพระยาที่ ตย. 1 บ้านทัพไทย จึงมาช่วยกันถางป่าทำเป็นเดินเข้าไป ปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของบ้านทัพไทย แล้วให้ชื่อว่า แหล่งหินตัดบ้านทัพไทย

       นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาชม แหล่งหินตัดบ้านทัพไทย ต้องเอารถมาจอดที่ สำนักงานหน่วยพิทักษ์ อุทยานแห่งชาติตาพระยาที่ ตย. 1 บ้านทัพไทย แล้วนั่งรถของหน่วยพิทักษ์ฯ เข้าไป เพราะทางเข้าแหล่งหินตัด ถนนยังเป็นหลุมบ่ออยู่เลย ขับเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร เห็นป้ายบอกทางเข้าแหล่งหินตัด ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในป่าตามทางเดินประมาณ 800 เมตร ก็จะถึง แหล่งตัด บ้านทัพไทย เป็นเนินเขาเตี้ยๆ เห็นร่องรอยการตัดหินของคนโบราณได้อย่างชัดเจน

        เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ฯ เล่าให้ฟังว่ามีแหล่งหินตัดตามเนินเขากระจายอยู่เต็มพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รอคอการพัฒนาปรับปรุง ทางเดินยังเป็นเขาชันอยู่ ต้องมีการปรับปรุงทางเดินให้เป็นขั้นบันได แล้วขึงเชือกกับต้นไม้เพื่อให้เป็นราวจับเสียก่อน นักท่องเที่ยวกลุ่มสูงอายุจึงสามารถเข้าจึงแหล่งหินตัดได้

                  ร้านอาหารเวียดนาม ยายเต็ม สระแก้ว

         ตั้งอยู่ที่ ถนนเทศบาล 17 ตำบลสระแก้ว อำเภอเมืองสระแก้ว เป็นร้านอาหารแบบ Outdoor ตกแต่งแบบผสมผสานย้อนยุค ด้วยนำของเก่า กางเกงยีนส์เก่า บุหรี่เก่า รถเก่า ตู้โทรศัพท์ ตุ๊กตาหุ่นยนต์เก่า มาประดับตกแต่งให้สวยงามแปลกตาทั่วทั้งร้าน ช่วงหัวคำ่เป็นต้นไปมี Live band เล่นตลอดทุกค่ำคืน เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ ตั้งเวลา 10.30 – 00.00 น.

         นอกจากอาหารเวียดนามแล้ว ก็ยังมีอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่นให้เลือกสั่งทานอีกด้วย วันนี้เราสั่ง สลัดโรล หอยนางรมทรงเครื่อง ส้มตำ มาทานก่อนเป็นออร์เดิร์ฟ และตามด้วยหมูยอญวนทอด ปอเปี๊ยทอด เส้นหมีหน้าหมู เป็นเมนท์ครอสปิดท้ายด้วยแหนมเนืองไฮไลท์ของงาน ทานกันหมดทุกจาน ผ่านมาสระแก้วแวะมาทานได้ทั้งมื้อกลางวัน และมื้อเย็น รับรองอร่อยทุกเมนู

                        ศูนย์ข้อมูล ปราสาทสต๊กก๊อกธม

                ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว  ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง อยู่หน้าทางเข้าอุทยานประวัติสด๊กก๊อกธม สร้างขึ้นเพื่อจัดแสดงวัตถุโบราณของปราสาทสต๊กก๊อกธม และให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการสร้างของปราสาทสด๊ก๊อกธม ก่อนเข้าชมตัวปราสาท เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2565 ให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00 – 16.00 น.  

           ภายในด้านหน้ามีห้องโถงต้อนรับนักท่องเที่ยว เข้าไปด้านในมีห้องวิดิทัศน์เล่าเรื่องราวประวัติการสร้างปราสาทสด๊กก๊อกธม ฟังเรื่องราวเสร็จแล้วก็มาถึง ห้องจัดแสดงวัตถุโบราณของปราสาทสต๊กก๊อกธม หินแกะสลักชิ้นส่วนหน้าบัน ช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์ที่เป็นหน้าพญานาค ยอดปรีขององค์ปรางค์ แต่หลักศิลาจารึก 2 หลัก ที่ขุดพบที่นี่แต่จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติปราจีนบุรี เอากลับมาตั้งแสดงที่นี่ไม่ได้ เกรงว่าจะได้รับความเสียหายจาการขนย้าย

                         อุทยานประวัติ ปราสาทสต๊กก๊อกธม

          ปราสาทสด๊กก๊อกธม เป็นศาสนสถานฮินดูแบบไศวนิกาย มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศไทย เดิมชื่อปราสาทภัทรนิเกตนะ ตั้งตามชื่อเมืองเดิม พราหมณ์ตระกูล ศิวไกวัลย์ เป็นผู้สร้าง เพื่อจะเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ ขอพระราชทานที่ดินจาก พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 และบูรณะเมืองที่ตัวเองเคยครอบครองอยู่ คำว่า “สด๊อกก๊อกธม” เป็นภาษาเขมร หมายถึง “กกกอใหญ่” มีการจัดงาน การแสดง แสงสีเสียง ปราสาทสด๊กก๊อกธม ขึ้นในเดือน มีนาคม เป็นประจำทุกปี

           ผังบริเวณของปราสาทสด๊อกก๊อกธม สร้างขึ้นตามคติความเชื่อเรื่อง จักรวาล ตั้งอยู่บนเนินดินสูง  หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ประกอบด้วย บาราย เปรียบเทียบเสมือนทะเลสาบสีทันดร ทางดำเนิน ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์เปรียบเสมือนสะพานสายรุ้ง คือเป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์ ปางค์ประธาน เป็นจุดศูนย์กลางของปราสาทสด๊อกก๊อกธม  เปรียบเสมือนเขาไกรลาศ หรือเขาพระสุเมรุอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ และเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ ที่เป็นรูปเคารพแทนองค์พระศิวะ

           สระแก้วไม่ใช่เมืองทางผ่านชายแดนอย่างที่เข้าใจกัน ถ้าได้มาเยือนอย่างผมในในทริปนี้แล้ว ความคิดจะเปลี่ยนไป สระแก้วมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ไทย เขมร ญวน จีน ทางธรรมชาติก็ได้รับรองจาก Unesco ให้เป็นมรดกโลก มีผีเสื้อกว่า 500 ชนิดในตอนเช้า ชมแหล่งดินยุบ ละลุ ตอนบ่าย มีค้างคาวที่เขาฉกรรจ์ให้ดูในตอนเย็น อาหารก็มีให้เลือกทานหลากหลาย โจ๊กญวน ข้าวหลามบ้านพร้าว ปลาเขื่อนพระปรง อาหารญวนแบบดั่งเดิม มีปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก และยังมีอีกมากที่ยังรอการค้นพบ มาเที่ยวแล้วต้องมาอีกครับ

       ขอขอบคุณ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระแก้ว สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ที่สนับสนุนอาหาร ที่พัก การเดินทาง สำหรับทริปนี้ครับ