เที่ยวชุมชน บ้านเดื่อ บ้านจอมแจ้ง บ้านหม้อ 3 ชุมชนต้นแบบ ณ หนองคาย
เรื่อง/ภาพ สุเทพ ช่วยปัญญา
ท่องเที่ยวโดยชุมชน Community Based Tourism (CBT) ทำให้คนในชุมชนมีความสุขความรักใคร่สามมัคคีกัน ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจหมุนเวียนเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น เป็นฐานรากด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ท่องเที่ยวโดยชุมชนเข้มแข็ง การท่องเที่ยวโดยรวมของชาติก็ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามไปด้วย
หัวใจของท่องเที่ยวโดยชุมชนก็คือ คนใจชุมชนต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทาง ด้านการท่องเที่ยวในชุมชนด้วยตัวเขาเอง หรือการระเบิดจากข้างใน หน่วยงานรัฐ หรือภาคเองชน ที่ให้องค์ความรู้นั้นเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาเท่านั้น ไม่อาจชี้นำชุมชนนั้นๆได้ ทำให้อัตตารักษ์ของแต่ละชุมชนทั่วประเทศแตกต่างกันไป เป็นผลดีให้การท่องเที่ยวโดยชุมชนทั่วประเทศ มีสินค้าด้านการท่องเที่ยวหลากหลายเพิ่มมากขึ้น
เที่ยวชุมชน บ้านเดื่อ บ้านจอมแจ้ง บ้านหม้อ 3 ชุมชน ต้นแบบ ณ หนองคาย ก็เป็นผลผลิตของการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่สำเร็จแล้ว สามารถสร้างสินค้าด้านการท่องเที่ยวได้ด้วยตัวชุมชนเอง เปิดชุมชนรอนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสวิถีชุมชน ชิมอาหารพื้นเมืองตามแบบวัฒนธรรมการกินอยู่ ชมประเพณีดั่งเดิมที่ยังอนุรักษ์ไว้ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในชุมชน กระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่น ผลักดันให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศขับเคลื่อนไปได้
การรถไฟได้นำขบวนรถไฟโดยสารรุ่นใหม่ 115 คัน มาวิ่งให้บริการประชาชนตั้ง 2 ธันวาคม 2559 ได้รับการตอบรับ ชื่นชมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นห้องโดยสารกว้างขวาง ข้อมูลการเดินทางออนบอร์ด พนักงานต้อนรับด้วยใจเป็นมิตร ออกตรงเวลา ห้องน้ำสะอาด ตู้เสบียงบริการด้วยมินิ 7-11 N0 ALCOHOL ตลอด 24 ชั่วโมง สายที่วิ่งมาที่จังหวัดหนองคาย นี้มีชื่อว่ารถไฟขบวนพิเศษ “อีสานมรรคา” ค่าโดยสารตู้นอนชั้น 2 เตียงล่างราคา 998 บาท เตียงบนราคา 898 บาท แต่ก็อด Comment ไม่ได้ว่าน่าเปลี่ยนเป็นขบวนใหม่ตั้งนานแล้ว
กราบขอพรพระใส พระคู่บ้านคู่เมืองหนองคาย
“รถไฟออกจากสถานีกรุงเทพ ในเวลาสองทุ่มตรงนะคะ” เสียงจากพนักงานต้อนรับบนรถไฟ ที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มเสื้อขาวกางเกงสีน้ำเงิน ยืนบอก ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ๋มใสอยู่ข้างรถขบวนใหม่ แสดงว่าสถานีหัวลำโพงไม่มีอยู่จริง แต่คนส่วนใหญ่เรียกสถานีกรุงเทพว่าสถานีหัวลำโพง รถไฟมาถึงสถานีหนองคายหกโมงเช้า ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง เช็คอินที่โรงแรมอาบน้ำทานข้าวเช้าแล้ว ก็เดินทางมากราบขอพรพระใส พระคู่บ้านคู่เมืองหนองคายกันก่อน เพิ่มความเป็นสิริมงคล
หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสำริดเนื้อทองสีเหลืองสุกใส ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ห่างจากตัวเมืองหนองคายประมาณ 2 กิโลเมตร สันนิษฐานว่าหล่อในสมัยล้านช้างทั้งหมด 3 องค์ พระเสริม พระสุก พระใส ต่อมาในรัชกาลที่ 3 อันเชิญพระใสมาจากวัดโพนชัย เมืองเวียงจันท์ มาประดิษฐานที่วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ และในสมัยรัชกาลที่ 4 ก็อันเชิญมาประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยในปัจจุบัน
ล่องเรือไหว้พระพังโคน ชิมปลาส้ม @ ชุมชนบ้านเดื่อ
เล่ากันต่อๆมาว่าชุมชนบ้านเดื่อ ตำบลบ้านดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ก่อตั้งมาประมาณ 300 กว่าปีมาแล้ว เป็นชาวภูไทที่อพยพจากจังหวัดยโสธรในปัจจุบัน เมื่อก่อนชื่อ “หมู่บ้านหนองจอก” แล้วจึงย้ายมาอยู่ที่ “บ้านเดื่อ” ในปัจจุบัน เนื่องจากบริเวณนี้มีต้นมะเดื่อเป็นจำนวนมากนั้นเอง ชุมชนบ้านเดื่อ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดหนองคายประมาณ 12 กิโลเมตร เข้าถึงชุมชนได้ง่าย สะดวกสบายทั้งทางบก และทางน้ำ เนื่องชุมชนอยู่ติดริมน้ำโขง
ลงจากรถเสร็จก็ได้รับ Welcome Drink น้ำมะเดื่อ รสชาติเปรี้ยวนิดหวานหน่อยเย็นชื่นใจ ชมการรำต้อนรับจากแม่ๆชุมชนบ้านเดื่อ ที่มาในชุดพื้นเมืองภูไท นุ่งผ้าซิ่นย้อมคราม เสื้อผ้าไหมสีเหลืองสดใส ทับด้วยสะไบเบี่ยงผ้าย้อมครามสีเทา จากนั้นเข้าสักการะหลวงพ่อพุทธมโนมัย หรือหลวงพ่อใหญ่ทันใจ ประดิษฐานอยู่ลานวัฒนธรรมข้างโบสถ์หลังเก่า รอนักท่องเที่ยวจากต่างแดนมากราบของพร ด้านข้างลานวัฒนธรรมยังมีพิพิธภัณฑ์เรือแข่ง ให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมได้ครับ
<p style=”text-indent: 2.5e จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดที่อยู่เรียบริมน้ำโขงยาวไปจังหวัด ฉะนั้นที่ชุมชนบ้านเดื่อก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่ติดน้ำโขงไปด้วย นักท่องเที่ยวจะต้องลงเรือหางยาว ที่ชาวบ้านใช้หาปลาในชีวิตประจำอยู่แล้ว นำกระทงดอกไม้ และนกพับทำจากใบลาน ที่กลุ่มแม่บ้านสอนให้ทำตอนก่อนลงเรือมาไหว้ “หลวงพ่อพังโคน” ซึ่งเป็นวัดที่จมอยู่กลางสายน้ำโขง ลอยกระทงเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระองค์ จากนั้นก็ขึ้นบกนำนกใบลาน ไปถวายที่ศาลเพียงตาของ พระไชยเชษฐา กษัตริย์แห่งกรุงเวียงจันท์ ที่พระองค์ทรงสร้างวัดพังโคนขึ้นมา“>เนื้อหา</p>
ปิดท้ายที่ชุมชนบ้านเดื่อด้วยการช้อปสินค้าโอท็อปของชุมชน ที่ได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้ ด้านทุนของชุมชน อย่างสร้างสรรค์ เพื่อการพึ่งตนเอง จากกองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนบ้านเดื่อ ให้โดยเด่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนคนในชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ และมีให้เลือกซื้อมากมายไม่ว่าจะเป็น ปลานิลสมุนไพรแดดเดียว ปลาบอง ปลาหยอง ปลาส้ม แหนมปลา ไส้กรอกปลา ทำจากปลานิลที่เลี้ยงอยู่ในกระชังริมน้ำโขงทั้งสิ้น
ชิมถั่วตัด ฝึกทำไข่เด็ม @ ชุมชนบ้านจอมแจ้ง
ชุมชนบ้านจอมแจ้ง ตำบลสีกาย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เป็นหนึ่งในหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวของจังหวัดหนองคาย มีความโดดเด่นในการดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง คนในชุมชนส่วนใหญ่ ทำนา ทำสวน ปลูกผักปลอดสาร ชุมชนก่อตั้งมากว่า 150 ปี เมื่อก่อนเป็นจุดแวะของเรือที่เดินทางในลุ่มน้ำโขงชื่อว่าบ้านแจ้ง ต่อมาเพิ่มจอมเข้าไปอีกคำหนึ่ง เนื่องจากคำว่าแจ้งมันสั้นไป หรือมีจอมปลวกมากในแถบนี้อย่างไรไม่ทราบได้ เป็นชุมชนบ้านจอมแจ้งในปัจจุบัน
นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนจะได้รับการต้อน ด้วยการแสดงบนเวทีของเด็กในหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นหัวใจที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งของการท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่ให้เด็กมามีส่วนรวมในการจัดการด้านการท่องเที่ยวของชุมชน เมื่อเด็กมีส่วนรวมก็จะมีคนมาสานต่อวัฒนธรรมประเพณีไม่ให้หายสาบสูญไป อีกทั้งเด็กก็จะได้มีกิจกรรมทำยามว่างไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ให้เป็นปัญหากับสังคมได้อีกทางหนึ่งด้วย
จากนั้นก็มาถึงมื้อกลางวันแบบบ้านจอมแจ้ง ที่ลานวัฒนธรรมของวัดธรรมรัตนากร ใส่โตรกมาวางบนโต๊ะอี เมนูเด็ดๆ ก็มี ลาบปลานิล ห่อหมกปลานิล ปลานิลแดดเดียว ต้มยำปลานิล ไฮไลท์อยู่ที่น้ำพริกปลานิลผักลวก ปลานิลที่นำมาใช้ปรุงอาหารก็เอามาจากกระชั่งท่ีริมน้ำโขง ผักที่นำมาเป็นเครื่องเคียงก็เป็นผักปลอดสาร ปลูกที่ริมน้ำโขงตอนน้ำลดเช่นกัน
เสร็จจากทานอาหารกลางวันแล้ว เดินชมความสวยงามของวัดธรรมรัตนากรสักหน่อยก็ได้ มีทั้งโบสถ์หลังเก่าหลังใหม่ให้ได้ชมกัน แล้วก็มาชมการสาทิตการทำไข่พอก และการทำถั่วตัด ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ผลิตแทบไม่ทันขายอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิธีการ ขั้นตอนต่างในการทำ เพื่อเก็บเกี่ยวเอาประสบการณ์ที่ได้รับ ไปทำกินเองที่บ้านก็ได้ ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว เป็นสินค้า OTOP ที่คนในชุมชนช่วยกันผลิต ถั่วตัด ไข่พอก ผ้าขาวม้า ผ้าซิ่นยอมคราม
กราบขอพรหลวงปู่เหรียญ ชิมปลายอ ชมการปั้นเตา @ ชุมชนบ้านหม้อ
ชุมชนบ้านหม้อ ตำบลบ้านหม้อ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย อยู่ห่างจากตัวเมืองหนองค่ายประมาณ 60 กิโลเมตร คนในชุมชนส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่ ปลูกข้าวปลูกสับปะรด ท่อผ้าพื้นเมือง รากเหง้าดั่งเดิมเป็นชาวไทพวน อพยพมาจากเมืองเชียงขวาง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาวชนลาว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ตั้งชุมชนอยู่ที่นี่มากว่า 200 ปี
มาเที่ยวชุมชนบ้านหม้อ ก่อนอื่นก็ต้องไปกราบขอพร รูปหล่อหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ประทับยืน ที่วัดอรัญบรรพต ซึ่งตั้งอยู่ในมลฑปแก้ว ทรงจตุรมุข เสร็จแล้วก็เดินไปชม พระสุธรรมเจดีย์ องค์เจดีย์สีขาว ทรง 8 เหลี่ยม 4 ชั้น ย่อมุมไม้ 12 ปล้องไฉนสีทองสุกตระการตา เป็นเจดีย์ที่สวยที่สุดองค์หนึ่งในจังหวัดหนองคาย ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระอรหันตธาตุ และหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่เหรียญ ให้ศิษยานุศิษย์และนักท่องเที่ยวมากราบนมัสการได้อีกรอบหนึ่ง
เข้ามาในชุมชนบ้านหม้อก็จะได้การต้อนอย่างอบอุ่น ด้วยการบายศรีสู่ขวัญแบบชาวไทยพวน ชมการแสดงฟ้อนไทพรวนต้อนรับจากน้องๆนางรำ ซึ่งเป็นเด็กๆที่อยุ๋ในชุมชน ทานอาหารกลางวันแบบพื้นบ้านด้วยเมนู ต้มยำไก่บ้าน ปลานิลทอด ปลายอ น้ำพริกกระปิปลาร้า เคียงมากับผักสดปลอดสาร ทานกับข้าวเหนียว หรือข้าวจ้าวก็มีให้เลือก เมนูทั้งหมดทำจากผลิตผลที่ผลิตได้ในชุมชนบ้านหม้อ
ผลิตภัณฑ์ในชุมชนที่โดดเด่นก็มีพืชผักสวนครัวที่ปลูกแบบปลอดสาร เด่นสุดในตอนนี้น่าจะเป็นสับปะรดกวน เพราะกวนกันสดๆให้นักท่องเที่ยวได้ชม ได้ทดลองกวนด้วยตัวเอง กวนแล้วก็สามารถซื้อผลงานของตน กลับไปชิมไปทานที่บ้านได้ด้วย อีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่กำลังมาแรงของชุมชน ก็คือการปั่นเตามหาเศรษฐี ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของชุมชน เนื่องจากเป็นชุมชนที่เคยปั้นหม้อมาก่อน จึงเอาองค์ความรู้ในการปั้นหม้อมาใช้ในการปั้นเตา คุณสมบัติที่แตกต่างจากเตาอั้งโล่ทั่วไปก็คือ ตัวเรือนเตาหนาแข็งแรงทนทาน ปากเตาแคบเก็บความร้อนได้ดี ให้ความร้อนสูงประหยัดถ่าน ลิ้นเตาหนารองรับการใช้งานได้นาน และที่สำคัญราคาไม่แพง
3 ชุมชน บ้านเดื่อ บ้านจอมแจ้ง บ้านหม้อ ณ หนองคาย น่าจะเป็นชุมชนต้นแบบ ของการท่องเที่ยวโดยชุมชนโดยแท้ เพราะได้เอาผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาจากกองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน จนเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคแล้ว มาเป็นตัวนำร่องเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือน เลือกซื้อสินค้าโอท็อปของชุมชน แสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวโดยชุมชน ไม่จำเป็นจะต้องมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเสมอไป เพียงแค่นำเอาอัตตารักษ์ แสดงความเป็นตัวตนของชุมชนนั้นจริงๆมาชูโรง ก็สามารถทำการท่องเที่ยวโดยชุมชนได้อย่างดีเยี่ยม
ขอบขอบคุณผู้สนับสนุนการเดินทาง
– สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดหนองคาย
– สมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย
– สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.)