เที่ยวเมืองรอง @ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ
เรื่อง/ภาพ สุเทพ ช่วยปัญญา
จากวรรณกรรมเรื่อง “รามายณะ” ประเทศอินเดีย เคลื่อนย้ายมาประเทศไทยคือเรื่อง “รามเกียรติ์” ไหลเข้าสู่ภาคอีสานกลายมาเป็นเรื่องเล่าสองฝั่งโขง ตอน “พระรามเดินดง” กาลครั้งหนึ่ง พระราม พระลักษ์ พานางสีดา เดินดงมาแถบลุ่มน้ำโขงได้ถูกทศกัณฐ์ ลักพาตัวไปไว้ขังไว้ที่ “บ้านนางสีดา” ต่อจึงพานางสีดาเหาะข้ามแม่น้ำโขงไปขังไว้ที่ “ปราสาทเฮือนหิน” แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พระราม พระลักษ์ ตามมาสู้รบกับทศกัณฐ์เพื่อนำตัวนางสีดากับอยุธยาบุรีนคร ทศกัณฐ์สู้ไม่ไหวคุกเข่าของชีวิตกับพระราม พระลักษ์ กลายเป็นท่ายักษ์คุ “ชานุ” แปลว่า เข่า “มาร” แปลว่า ยักษ์ เป็นที่มาของอำเภอชานุมานในปัจจุบัน
อำเภอชานุมาน เดิมชื่อเมืองชานุมาร ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ชานุมาน ปรากฏหลักฐานการเป็นเมืองมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ชานุมาน ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเมืองไซภูทอง แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นอำเภอที่ติดกับแม่น้ำโขง และอยู่เหนือสุดของจังหวัดอำนาจเจริญ มีจุดผ่อนปรนชายแดนไทย – ลาว ให้คนสองฝั่งโขงข้ามไปมาหาสู่ นำพืชผลทางการเกษตรที่ผลิตได้ในพื้น แลกเปลี่ยนสินค้า ติดต่อค้าขายกันได้อย่างสะดวกสบาย ในแต่ละตำบลของอำเภอชานุมาน มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ตามชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้นๆ
ชมความงามสายน้ำโขงที่แก่นคันสูง
แก่งคันสูง จังหวัดอำนาจเจริญ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมริมฝั่งแม่น้ำโขง ของอำเภอชานุมาน มองจากบนตลิ่งมองเห็นสายน้ำโขงไหลผ่าน เกาะแก่งหินลดหลั่นกันไป พร้อมกับนำพาสายลมเย็นพัดผ่านมาด้วย เหมาะสำหรับมาท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เล่นน้ำคลายร้อน นั่งชมกระแสน้ำเย็นไหลเอื่อย ผ่านแก่งหินกลางลำน้ำโขง เป็นที่อยู่อาศัยของปลาคัง ปลากด ปลานาง ปลาค้าว ปลากะทิง แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติสองฝั่งโขงยังคงสมบรูณ์อยู่มาก ที่สำคัญมีจุดเซ็คอินให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันด้วย
แก่งคันสูง ตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านคันสูง ตำบลโคกสาร อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ เกิดจากลานหินกว้างกั้นขวางลำน้ำโขง ฝั่งตรงข้ามเป็นแขวงสุวรรณเขต ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บริเวณแก่งคันสูงสามารถมองเห็นเกาะแก่งกลางน้ำได้ในเฉพาะช่วงหน้าแล้ง หากปีไหนประเทศจีนปล่อยน้ำมาน้อย จะสามารถเดินข้ามแม่น้ำโขงไปยังประเทศลาวได้เลย ในช่วงเช้ายังสามารถชมทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ขึ้น ที่มีความสวยงามอีกแห่งในอำเภอชานุมานได้อีกด้วย
วัดยักษ์คุธรรมานุสรณ์ ร่องรอยของเมืองชานุมาน
วัดยักษ์คุธรรมานุสรณ์ หรือวัดยักษ์คุ ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ตำบลชานุมาน ตรงข้ามกับอำเภอชานุมาน เป็นวัดเล็กๆเงียบสงบ เริ่มตั้งเป็นสำนักสงฆ์ในปีพ.ศ. 2526 ต่อปีพ.ศ. 2539 ได้ขอขึ้นทะเบียนเป็นวัดพร้อมทั้ง ก่อสร้างพระอุโบสถขึ้นมาใหม่ไปในคราวเดียวกันด้วย ในปีพ.ศ. 2545 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาจัดตั้งเป็นวัด ส่วนชื่อวัดก็ตั้งชื่อตามชื่อบ้านยักษ์คุ แสดงว่าเรื่องราวร่องรอยของยักษ์คุนั้นมีมานานแล้ว ขนาดวัดที่ตั้งขึ้นมาใหม่ยังต้องตั้งชื่อตามไปด้วย
ภายในวัดมีพระอุโบสถตั้งอยู่กลางวัด เป็นพระอุโบสถขนาดเล็กที่นิยมสร้างกันในภาคอีสาน ตัวพระอุโบสถจำลองแบบมาจาก วัดสักกะวันที่จังหวัดกาฬสินธ์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสำเริดลงรักปิดทองปางมารวิชัย หน้าบันด้านหน้าของโบสถ ปั้นปูนรูปเจ้าชายสิทธัตถะ ขี่ม้ากัณฐกะ ออกจากเมืองเพื่อออกบวช โดยมีนายฉันนะเตรียมม้าไว้ให้ ส่วนหน้าบันด้านหลังของโบสถ ปั้นปูนรูปพระโคตมพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แด่ปัญจวคคีย์ทั้ง 5 ที่ป่าอิสิปตนฤคทายวัน
ทางฝั่งขวามือของพระอุโบสถมีพระธาตุพระพนมจำลองตั้งอยู่ ให้ท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่อำเภอชานุมาน มากราบขอพรองค์พระธาตุพนมจำลองได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงจังหวัดนครพนม ส่วนทางด้านหลังองค์พระธาตุพระพนมจำลอง ก็มีพระพุทธยันตีองค์ใหญ่สีทองประดิษฐานอยู่ ให้ท่องเที่ยวมากราบขอพรได้อีกองค์หนึ่ง
เพนท์หน้ายักษ์ร่วมประเพณีแห่ยักษ์คุ
ประเพณีแห่ยักษ์คุ เป็นประเพณีที่เป็นที่มาของชื่ออำเภอชานุมาน จัดขึ้น ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอชานุมาน เป็นประจำทุกปีต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 6 ในปีพ.ศ. 2561 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวริมฝั่งโขงของอำเภอชานุมาน ส่งเสริมการค้าด้านชายแดน จุดผ่อนปรนการค้าบ้านยักษ์คุ และประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้รู้จักเพิ่มมากขึ้น เริ่มจากขนวบแห่ยักษ์คุ ที่ส่งเข้าประกวดจากความคิดสร้างสรรค์ ต่อด้วยรำภูไทจาก 5 ตำบล ในอำเภอชานุมาน นักท่องเที่ยวจะเพนท์หน้ายักษ์ แต่งกายเป็นยักษ์ เข้าร่วมงานกันทุกคน สร้างสีสันความสนุกสนานให้กับงานได้เป็นอย่างดี
กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอชานุมาน การประกวดผลผลิตทางการเกษตรของดีอำเภอชานุมาน การประกวดธิดาชานุมาน การแสดงบนเวทีการแข่งขันเส็งกลอง และการจัดตลาดนัดการค้าชายแดน โดยจัดคาราวานจำหน่ายสินค้า OTOP จากทั่วทุกภาค รวมทั้งกิจกรรมล่องเรือชมเกาะแก่งหินในแม่น้ำโขง การแข่งขันตกปลานานาชาติ
เยี่ยมเยือนหมู่บ้านภูไท ภูคำเดือย
ชาวภูไท หรือชาวผู้ไทย ตามที่ราชบัณฑิตสถานบัญญติไว้ แบ่งเป็นภูไทดำ 8 ชนเผ่า จะแต่งกายด้วยผ้าสีดำ และสีคราม คาดผ้าเบียงไหล่สีแดงภูไทขาว 4 ชนเผ่า แต่งกายด้วยผ้าสีคราม และผ้าสีขาว คาดผ้าเบี่ยงไหล่สีขาว รวม 12 ชนเผ่า เป็นที่มาของชื่อที่อยู่ดั่งเดิมคือแคว้นสิบสองจุไท และแคว้นสิบสองปันนา ทางตอนใต้ของจีน มีภาษาภูไทใช้สื่อสารกันในชนเผ่า ส่วนใหญ่ทำนาปลูกข้าว ท่อผ้า และทำเครื่องประดับที่ทำจากเงินใช้เองภายในหมู่บ้าน หรือก็แบ่งเป็นของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยว
หมู่บ้านภูไท ภูคำเดือย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นหมู่บ้านของชาวภูไทขาวที่อพยพมาจากเมืองตะโปน แขวงสุวรรณเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เริ่มจัดตั้งเป็นหมู่บ้านเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2398 ที่บ้าน “ลุมพุกหนองสิม” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บ้านคำเดือย” ตามชื่อของลำห้วยน้ำคำที่เต็มไปด้วยต้นลูกเดือย ภายในหมู่บ้านมีศูนย์วัฒนธรรมบ้านคำเดือย ไว้สำหรับจัดงาน “บุญประเพณี ไขประตูเล้า เว้าภูไท ไปเสอ” จัดขึ้นในเดือน 3 เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าชุมชน รวมถึง อนุรักษ์ประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของชาวภูไท และสร้างความสามัคคีในชุมชน
นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนศูนย์วัฒนธรรมบ้านคำเดือย จะได้ชมการฟ้อนต้อนรับ ที่อ่อนช้อยสวยงาม ตามแบบวัฒนธรรมประเพณีของชาวภูไทขาว ใต้ถุนบ้านในหมู่บ้านภูไท จะมีกี่ท่อผ้าเกือบทุกบ้าน เมื่อว่างเว้นจากการทำนาปี ชาวภูไทก็จะนั่งทอผ้าเอาไว้ใช้นุ่งห่ม เส้นด้ายที่ใช้ถักท่อทำจากปุยฝ้ายที่ปลูกไว้ที่หลังบ้าน และริมไร่ปลายนา ได้ผ้าฝ้ายย้อมคราม ลวดลายเฉพาะแบบภูไท เศษผ้าที่เหลือนำมาทำกระเป๋าขายเป็นของที่ระลึก ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อได้
เที่ยวเมืองรอง @ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒธรรม วัดวาอารามต่างๆ ที่ผมยังไปไม่ถึง คราวหน้าถ้ามีโอกาสไปเที่ยวอีก จะนำกลับมาอัพเดทให้ชมเพิ่มเติมอีกครับ