THEWAYNEWS > Travel > In bound > เปิดมุมมองเที่ยวมุมใหม่ พิจิตรเมืองน่าอยู่ 

                   เปิดมุมมองเที่ยวมุมใหม่ พิจิตรเมืองน่าอยู่

        พิจิตรเป็นเมืองเก่าแก่สมัยสุโขทัย มีแม่น้ำน่านไหลผ่าน ได้รับสถานะเป็นหัวเมืองเอกของกรุงสุโขทัย เล่ากันต่อๆมาว่า พระยาโคตรบอง เป็นผู้สร้างเมืองพิจิตร ต่อมาในสมัยอยุธยา เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองโอฆะบุรีแปลว่าเมืองในท้องน้ำเพราะมีแม่น้ำน่าไหลผ่านวกไปวนมา ทำให้ สวน ไร่ นา ข้าว ปลา อาหาร อุดมสมบรูณ์ เป็นเมืองน่าอยู่ มีชุมชนริมน้ำหลายแห่ง ชุมชนโพธิ์ประทับช้าง ชุมชนจีนโบราณย่านเก่าวังกรด ชุมชนบางมูลนาก และยังเป็นที่ประสูติของ พระเจ้าเสือ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา อีกด้วย

 

                                                                                   ภาพจาก เฟซบุ๊ก TAT Nakhonsawan.Phichit 

                 ชมหิ่งห้อย วิบ วับ ที่ชุมชนโพธิ์ประทับช้าง

         เดิมมีฐานะเป็นสุขาภิบาลโพธิ์ประทับช้าง ได้รับการจัดตั้งเป็นอำเภอโพธิ์ประทับช้าง เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2542 มีวัดโพธิ์พระทับช้าง เป็นศูนย์รวมจิตรใจของคนชุมชน เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2242 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน ณ สถานที่ประสูติของ พระเจ้าเสือ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา

          ด้านหน้ามีต้นตะเคียนโบราณ ยืนต้นผ่านกาลเวลามาเกือบสามร้อยปี ภายในวัดมีพระวิหารสูงใหญ่ศิลปะสมัยอยุธยา มีกำแพงล้อมรอบ 2 ชั้น ภายในวิหารประดิษฐานหลวงพ่อโต ที่มีพระพักตร์ยิ้มแย้ม อิ่มเอมใจ แก่ผู้มากราบขอพร

            เทศกาล “หิ่งห้อย วิบ วับ” จัดขึ้นที่ ตลาดดอกเดื่อ ตลาดย้อนยุค ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อยู่เยื้องกับวัดโพธิ์พระทับช้าง กราบขอพรหลวงพ่อโตแล้วเดินต่อเข้ามาที่ ตลาดดอกเดื่อได้เลย เป็นตลาดย้อนยุค ขายอาหารอาหารตามสั่ง ผัดไทย ส้มตำ และไฮไลท์ที่ต้องสั่งก็คือชาบูหมูจุ่ม นั่งทานชมรำวงย้อนยุคก่อนลงเรือไปชมหิ่งห้อย

           เรือล่องไปตามแม่น้ำพิจิตร หรือแม่น้ำน่านสายเก่า สองฝั่งลำน้ำเต็มไปด้วยผักตบชวา ซึ่งเป็นที่อาศัยของหิ่งห้อย เพราะมีหิ่งห้อยบินโฉบไปเฉี่ยวมาเหนือกอผักตบชวา ให้เห็นพอประปราย หิ่งห้อยบ้านโพธิ์ประทับช้าง จะไม่เหมือนหิ่งห้อยของอัมพวาที่อาศัยอยู่บนต้นลำพู เรือล่องมาประมาณ 15 นาที ก็มาถึงฝายน้ำล้นคอนกรีต เรือไม่สามารถล่องต่อไปได้ และภาพที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เต็มไปด้วยแสงเรืองรองของหิ่งห้อย วิบ วับๆ เกาะ และบินวนไปวนมาอยู่บนแพผักตบชวา แปลกตาหาดูไม่ได้จากที่ไหนนอกจากที่บ้านโพธิ์ประทับช้าง เท่านั้น

                                                                             ภาพจาก เฟซบุ๊ก TAT Nakhonsawan.Phichit

             หิ่งห้อยที่ชุมชนบ้านโพธิ์ประทับช้าง ไม่ได้มีให้ชมได้ตลอดทั้งปี เพราะหิ่งห้อยจะออกมาให้ชมเพียงแค่ช่วงปลายฝนต้นหนาวของทุกปี โดยในปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2565 นักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปล่องเรือชมหิ่งห้อยได้ที่ตลาดดอกเดื่อ มีเรือให้บริการทุกวันในช่วงฤดูชมหิ่งห้อย เรือนั่งได้ลำละ 8 ท่าน ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 30-40 นาที ตั้งแต่เวลา 18.00 – 22.00 น.

                  ชุมชนจีนโบราณ ย่านเก่าวังกรด

         ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านบุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร อยู่ห่างจากตัวเมืองพิจิตร 6 กิโลเมตร เดิมชื่อ “ชุมชนบ้านท่าอีเต่า” แล้วเปลี่ยนเป็น “ชุมชนวังกลม” เรียกชื่อตามแม่น้ำน่านที่ไหลโค้งเกือบครึ่งวงกลม ผ่านชุมชน ต่อมาในปีพ.ศ. 2540 เปลี่ยนชื่อตามชื่อสถานนีรถไฟวังกรด เพราะถ้าชื่อสถานีรถไฟวังกลมจะไปซ้ำกับสถานีอื่น

            ชุมชนวังกรดเริ่มเกิดขึ้นเมื่อ “หลวงประเทืองคดี” คหบดีในชุมชนรับราชการเป็นอัยการ เป็นผู้ที่ สนับสนุนให้คนในชุมชนสร้างตลาดวังกรดขึ้นมา โดยสร้างเป็นเรือนแถวไม้สองชั้น เริ่มจากสถานีรถไฟ ตรงไปยังแม่น้ำน่านเรียกว่า “ซอยกลาง” หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เสร็จสิ้น การรถไฟไทยได้รื้อบ้าน และตลาดแผงลอยบริเวณหน้าสถานีออกทั้งหมด แล้วสร้างเป็นวงเวียนหอนาฬิกา และสร้างเรือนแถวไม้สองชั้น เป็นแถวเหนือ กับแถวใต้ ในปัจจุบัน

         บ้านหลวงประเทืองคดี ตั้งอยู่ที่สุดซอยแยกใต้ เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยม 2 ชั้น ผนังก่อนถือปูน ภายนอกอาคารทาสีขาว ภายในชั้นล่างเป็นพื้นปูน มีห้องใต้ดินทำเป็นหลุมหลบภัย ชั้นบนเป็นพื้นไม้ ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ภาพถ่ายสมัยหลวงประเทืองคดียังมีชีวิตอยู่ ให้คนในชุมชน และนักท่องเที่ยวได้มาเรียนรู้ประวัติของหลวงประเทืองคดี

         เนื่องจากย่านเก่าวังกรดมีชาวจีนแต้จิ๋ว จีนไหหลำ อพยพมาอาศัยกันอยู่เยอะ ก็เลยร่วมกันจัดตั้งศาลเจ้าพ่อวังกลมขึ้นที่บริเวณสุดซอยกลาง ติดริมแม่น้ำน่าน เพื่อเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นศูนย์รวมจิตใจ ระลึกถึง บรรพบุรุษดั้งเดิมของคนที่นี่ และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มากราบขอพรด้วย ทุกปีคนในชุมชนจะมีการว่าจ้าง งิ้วแจ้จิ้ว งิ้วไหหลำ มาแสดงแก้บน ถวายเจ้าพ่อ เจ้าแม่ วังกลม เป็นประจำทุกปี

         อาหารอร่อยย่านเก่าวังกรดมีอยู่หลายร้านเหมือนกัน เริ่มจากร้านเตี๋ยวปิ่นโต ก๋วยเตี๋ยวหมูแดงที่เสิร์ฟมาในปิ่นโต นอกจากนี้ยังมีเมนูผัดไทยหมูแดงที่เสิร์ฟมากระจาดหวาย อร่อยแปลกไม่เหมือนใคร ร้านอยู่ที่แถวเหนือเลยวงเวียนหอนาฬิกาไปหน่อย

        ตรงข้ามกับร้านเตี๋ยวปิ่นโตก็มีร้านขายข้าวเกรียบว่าว คุณยายจะมานั่งย่างให้สดๆในเตาถ่านแผ่นต่อแผ่นเลยที่ ทานร้อนๆอร่อยน่าดู หรือจะลองย่างเองทานเองก็เป็นประสบการณ์ที่ดีเลย

         ข้างๆกันก็มีคุณตาเจ้าของร้าน เทียนไว้ แม่เป้า ขายของชำมาเกือบสองชั่วอายุคน มายืนทักทายนักท่องเที่ยวที่มาเยือนย่านเก่าวังกรด ใครขอถ่ายรูปก็ยิ้มรับเป็นอย่างดี

          กลับมาที่ซอยกลางมี ร้านสาคูไส้หมู ป้าเฒ้า เปิดขายมากว่าสองชั่วอายุคนเหมือน ปัจจุบันเป็นรุ่นลูกที่ยืนขายอยู่ สาคูไส้หมูของป้าเฒ้า จะมีน้ำกะทิสดโรยเป็น Toping ด้วย ทำให้สาคูของป้าเฒ้าอร่อยแปลกกว่าที่อื่น ได้ครบรสหวานมันนำตัดด้วยเค็มนิดหน่อย ทานเคียงกับผักชีตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี

        ที่วงเวียนหอนาฬิกา มีร้านอร่อยอยู่หลายร้านเหมือนกันเริ่มตั้งแต่ร้านน้ำมะนาวดอง ไซ้ลุ่ย แก้วละ 10 บาท เปรี้ยวอมหวานเย็นชื่นใจ หาทานที่ไหนก็ยากแล้วนอกที่ย่านเก่าวังกรดเท่านั้น

       ถัดมาเป็นร้านหอยทอดเจ้ณี เปิดขายตั้งแต่เที่ยงไปถึงเย็น หมดแล้วหมดเลย หอยแมลงภู่ตัวใหญ่สด ทอดแป้งได้กรอบนอกนุ่มใน น้ำจิ้มสูตรเจ้ณี หวานนำอมเปรี้ยวเล็กน้อย ทานร้อนๆอร่อยมาก

        ร้านเจ้หยีหมูสะเต๊ะ ขายวันละเป็นพันไม้ หมูหมักข้ามคืนจนน้ำหมักเข้าเนื้อ เคียงมาด้วย น้ำจิ้มถั่วลิสง น้ำจิ้มอาจาด สูตรเจ้หยี หมูเนื้อนุ่มมากหอมเครื่องเทศ อร่อยไม่เหมือนใคร

       ถ้ายังไม่อิ่มรอบดึกก็มีข้าวต้มปลาร้านเจ้กำไล ขายอยู่ตรงวงเวียนหอนาฬิกาเหมือนกัน และไม่ได้มีเฉพาะข้าวต้มปลา ยังมีออส่วน จ้อหมูเผือกทอด ให้เลือกทานอีกด้วย

       ไฮไลท์ของอร่อยย่านวังกรด ปิดท้ายด้วย บัวลอยหน้างอ เจ้ดม พลาดไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง เป็นบัวลอยไข่หวานที่ไม่เหมือนใคร แม่ค้าหน้างอแต่ใจดี ใส่ไข่ก็ได้ไม่ใส่ก็ดี ขายราคาเท่ากัน บัวลอยเม็ดเล็กในถ้วยเดียวได้เม็ดบัวลอยสองแบบ แป้งเด้ง กับแป้งนุ่ม เคี้ยวได้กรุบกรอบกับนุ่มละมุนลิ้น น้ำกะทินุ่มนวลสั่งได้หวานน้อยหรือหวานมากตามชอบ

        บัวลอยหน้างอ เจ้ดม หาทานได้เฉพาะย่านเก่าวังกรด เปิดร้านขายเฉพาะหน้าเทศกาล หรืองานสำคัญของย่านเก่าวังกรด หรือจ้างไปออกร้านขาย เท่านั้น

                ชิมฮง คาเฟ่ สไตล์จีน วินเทจ

        ตั้งอยู่เยื้องๆกับสถานีรถไฟวังกรด เป็นคาเฟ่สไตล์จีน วินเทจ Barista Skills Foundation, Intermediate Certified จาก Specialty Coffee Association (SCA) มีให้เลือกนั่งทั้งใน In Door ห้องแอร์ และ Out Door บรรยากาศแบบสวนหลังบ้าน จุดเช็คอินถ่ายรูปก็หลายจุดอยู่เหมือนกัน

         เมนูแนะนำก็มีให้เลือกหลากหลาย น้ำส้มคั้นสดๆ ไม่ผสมน้ำเชื่อม เพิ่มความสดชื่นได้ดี

         Lod Chong Espresso มีลอดช่องอยู่ข้างล่าง Top ด้วย Espresso เย็นอยู่ข้างบน หวานกำลังดีอร่อยกลมกล่อม มีลอดช่องให้เคี้ยวหนึบๆด้วย

        Coconut Coffee กาแฟมะพร้าวอ่อน กาแฟอเมริกาโนเย็น ใช้น้ำมะพร้าวแทนไซรับ Top ด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน ได้ความสดชื่นจากกาแฟแล้วยังได้เคี้ยวเนื้อมะพร้าวอ่อนด้วย

        Chim Cocoa โกโก้เย็น เป็นอีก Signature นึงของ ชิมฮง คาเฟ่ สำหรับคนที่ไม่ทานกาแฟ โกโก้รสเข้มผสมกับนมสด อร่อยหวานมันหอมกลิ่นโกโก้

                  ชุมชนริมน้ำ บางมูลนาก

        ชุมชนบางมูลนากคนส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้ำน่าน ร่วมกันก่อตั้งศาลเจ้าพ่อแก้วขึ้น เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และเคารพบูชาของคนในชุมชน

         ชาวจีนถ้าอพยพไปอยู่ที่ใดเขาจะต้องสร้างศาลเจ้า เพื่อเป็นที่สถิตของเจ้าพ่อ หรือเจ้าแม่ เพื่อคอยคุ้มครองปกปักรักษา ให้อยู่เย็นเป็นสุข และทํามาค้าขึ้น ศาลเจ้าพ่อแก้วหลังเดิม ตั้งอยู่ทางเหนือของตลาดริมน้ำบางมูลนาค

       นอกจากนี้ที่ตลาดริมน้ำบางมูลนากยังมี พิพิธภัณฑ์ชุมชน เสริมศิลป์ ภายในมีภาพเก่าเล่าประวัติความเป็นมาของชุมชนริมน้ำบางมูลนาก มีจุดให้ถ่ายรูปหลายที่เหมือนกัน

        จุดที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ นั่งเล่นไพ่นกกระจอกกับหุ่นจำลอง

       ที่ชุมชนบางมูลนาก มีที่เช็คอินอยู่อีกหลายจุด เร่ิมจากถนนรูปตัว U หน้าจากเข้าศาลเจ้าพ่อแก้วหลังเก่า

      ภาพ Graffiti รูปหุ่นเชิดมังกร สีสดเขียวเหลืองแดง ที่หน้าพิพิธภัณฑ์ชุมชน เสริมศิลป์

      เลยไปอีกซอยมีภาพเขียนสีรูปถุงกระดาษในยุค ค.ศ. 1960 เขียนว่าบางมูลนากเมืองน่าอยู่ ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเล่นกันสนุกๆ

        นักท่องเที่ยวที่เคยเดินผ่านจังหวัดพิจิตรเมืองน่าอยู่ ไปท่องเที่ยวทางภาคเหนือ แต่ว่าครึ่งทางถ้าเหนื่อย ก็แวะพักเก็บความสุขระหว่างเส้นทาง เล็กๆน้อย เที่ยววิถีชุมชน ชิมอาหารการกินริมน้ำ มาเปิดมุมมองเที่ยวมุมใหม่ ที่พิจิตรกันครับ