THEWAYNEWS > News > โจ๋ตามล่า 5 ขวบถ่มน้ำลายรถเก๋งสาวคนสนิท เพื่อนบ้านเข้าห้ามถูกยิงดับ

aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL25zLzAvdWQvMTExMy81NTY1MzU4LzEuanBn

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (4 มี.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. สภ.ธัญบุรี รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่เกิดเหตุหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซ.อนามัยสมเด็จย่า 84 คลอง 13 หมู่ที่ 4 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

ที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อนายศักดิ์ชัย อายุ 54 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่คิ้วซ้ายทะลุท้ายทอย กระสุนถูกอวัยวะสำคัญเป็นเหตุให้เสียชีวิต ข้างกันพบจยย.ยี่ห้อยามาฮ่ารุ่นฟีโน่สีฟ้าขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของนายวีรพงษ์ หรือ กอล์ฟ อายุ 23 ปี คนร้ายจอดทิ้งไว้ส่วนคนร้ายวิ่งหลบหนีไปมุ่งหน้าถนนรังสิต-นครนายก

จากการสอบถาม นายปรีชา อายุ 55 ปี เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนเองนั่งอยู่ที่แคร่ไม้ริมถนนหน้าบ้าน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนค่ำที่ผ่านมา เมื่อเด็กชายวัย 5 ขวบ ได้ไปถ่มน้ำลายใส่รถเก๋งของหญิงสาวคนสนิทกับนายกอล์ฟ ผู้ก่อเหตุ ที่จอดอยู่หน้าบ้านในชุมชนเดียวกันถัดกันไปประมาณ 20 เมตร ทำให้หญิงสาวคนสนิทไม่พอใจและโกรธเคืองเด็กและจับเด็กไว้ทำให้เด็กร้อง

พ่อของผู้ตายจึงเดินออกมาดู เด็กจึงวิ่งไปเกาะขาขอให้ช่วยเหลือ เพราะเป็นเพื่อนบ้านและเคยให้เงินซื้อขนมบ่อยครั้ง  นายกอล์ฟ ผู้ต้องหา จึงโกรธแค้นแทนหญิงสาวคนสนิทขี่จยย.มาตามหาเด็กชายวัย 5 ขวบ ที่ไปถ่มน้ำลายใส่รถ  พ่อผู้ตายจึงได้เข้าไปห้ามปรามว่า อย่าไปถือสาเด็กมันเลย

ทำให้นายกอล์ฟ ผู้ต้องหา ไม่พอใจ ขี่จยย.ออกจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 10 นาที ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งโดยปรี่เข้าไปหาพ่อผู้ตาย แต่ผู้ตายเห็นว่านายกอล์ฟมีปืนติดตัวมาด้วยจึงพูดว่า “ไอ้กอล์ฟ แค่นี้มึงต้องเอาปืนมายิงพ่อกูเลยหรือไง ถ้ามึงจะยิงพ่อกูมึงยิงกูดีกว่า”

สิ้นเสียงพูดของผู้ตาย ผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนลูกโม่ สีสแตนเลสที่พกติดตัวมายิงขึ้นฟ้า 1 นัด ก่อนจะจ่อยิงที่ศีรษะในระยะเผาขนทำให้ผู้ตายล้มลง ก่อนที่ นายกอล์ฟ ผู้ก่อเหตุ จะวิ่งหนีไป ตนเองจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พ.ต.ท.ยุทธภูมิ โพธิอุดม สารวัตร (สอบสวน) สภ.ธัญบุรี เปิดเผยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามหาเบาะแสการหลบซ่อนตัวของผู้ก่อเหตุ เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดี พร้อมเชิญตัวพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ไปสอบปากคำเพิ่มเติม และให้อาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยป่อเต็กตึ๊งนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป