EP. กินหอย กินปู ดูเหยี่ยวแดง บางสระเก้า Delicious Destination @ Chanthaburi เมืองจันท์ เที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีดีกว่าผลไม้ น่าเที่ยวสุดๆ

               เรื่อง/ภาพ สุเทพ ช่วยปัญญา

         เส้นทาง Delicious Destination @ Chanthaburi เมืองจันท์ เที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีดีกว่าผลไม้ น่าเที่ยวสุดๆ จาก EP. ไม่มีทุเรียนให้ฉีก ก็เที่ยวสวนทุเรียนได้ ไปจิบกาแฟผัก ออร์แกนิก คิชฌกูฎฟาร์ม เที่ยวสวนพวงมณีแบบไม่มีทุเรียนให้ฉีก แกงหมูชะมวง ต้องที่ ร้านจันทรโภชนา มาถึง EP. กินหอย กินปู ดูเหยี่ยวแดง บางสระเก้า จะมีความเหมือนหรือความต่างกันอย่างไร เชิญติดตามได้ครับ

               ปาท่องโก๋ น้ำจิ้มหวาน อาหารเช้าแบบคนจันท์

       เช้าวันที่ 2 ของเส้นทาง Delicious Destination @ Chanthaburi เมืองจันท์ เที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีดีกว่าผลไม้ น่าเที่ยวสุดๆ ใน EP. กินหอย กินปู ดูเหยี่ยวแดง บางสระเก้า เบื่ออาหารเช้าของโรงแรมมาเดินหาของกินที่ตลาดน้ำพุ ก่อนเดินไปตลาดน้ำพุแวะหา ปาท่องโก๋ น้ำจิ้มหวาน อาหารเช้าแบบคนจันท์ กินก่อนครับ มีให้เลือกทานได้หลายร้าน แต่วันนี้ผมแวะที่ร้านปาท่องโก๋ สูตรสะพานขาว อยู่ติดธนาคารกรุงเทพ ก่อนถึงทางเข้าตลาดน้ำพุ ทอดขายใหม่สดทุกวัน ต้องยืนรออยู่หลายคิวเหมือนกันกว่าจะได้กิน

      ปาท่องโก๋ร้อนๆ จิ้มกับน้ำจิ้มหวาน รสชาติแปลกไปอีกแบบหนึ่งครับ ยืนกินตรงหน้าร้านเลยครับได้บบรรยากาศดี เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ปาท่องโก๋กรอบนอกนุ่มใน กินเปล่าๆก็อร่อยอยู่แล้ว แต่คนเมืองจันท์เขาจิ้มกับน้ำจิ้มหวาน ยิ่งเพิ่มความอร่อยเข้าไปอีก น้ำจิ้มก็คล้ายกับน้ำจิ้มไก่ แต่น้ำจะใสกว่าส่วนผสมมี น้ำตาลทราย เกลือ น้ำส้ม พริกแห้งบด เพิ่มความหวานออกเปรี้ยวนิดหน่อย ให้กับปาท่องโก๋ได้เป็นอย่างดี ก็แปลกไปอีกแบบสำหรับอาหารเช้าของคนจันท์ มาแล้วต้องลองครับ และที่สำคัญ ปาท่องโก๋ น้ำจิ้มหวาน หลายมีขายอยู่หลายร้าน ถามคนแถวนี้แล้วเขาบอกว่าอร่อยทุกร้าน ก็เลือกซื้อทานกันได้ตามสะดวกครับ

     ถ้ายังไม่อิ่มก็เดินต่อมาที่ตลาดน้ำพุได้เลย มีของกินให้ชิมกันอีกหลายอย่าง กาแฟโบราณตั้งขายอยู่ตรงหัวมุมตึก  มีรถเข็นขายไข่หงษ์จอดอยู่ข้างร้าน เลยไปหน่อยก็เป็นร้านขายขนมจีบซาลาเปาร้อนๆ เดินต่อมาหน่อยก็มาเจอร้านขนมจีนทอดมัน เส้นจันท์ผัดปู ข้าวเกรียบปากหม้อ ขายอยู่ในร้านเดียวกัน ทำกันสดๆในตลาดทุกเช้า เลือกชิมกันได้ตามอัธยาศัยครับ

                       สวนป้าแกลบ ของดีเมืองจันท์

        ทานอาหารเช้าแล้วก็มาหาซื้อของฝากคนทางบ้านกันที่ สวนป้าแกลบ  ของดีเมืองจันท์ ตั้งอยู่ที่ ตำบล เขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ มาถึงก็ได้รับการต้อนรับด้วยน้ำสมุนไพร กับขนมเปี๊ยไส้ไข่เค็ม เป็นของว่างยามสายได้ดีทีเดียว สวนป้าแกลบทำการแปรรูผลไม้เป็นผลิตภัณฑ์ของฝากมากว่า 26 ปี ด้วยความตั้งใจที่นำวัตถุดิบ ที่มีคุณภาพของเมืองจันท์มาแปรรูป เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บไว้กินนานๆ จนได้รับรางวัลการันตีมากมาย โรงงานสะอาดมีมาตรฐาน และพัฒนาสินค้าใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง 

      ต่อด้วยชมการสาธิตการทำเมนู เส้นจันท์ผัดปู เมนูยอดฮิตของเมืองจันท์ เพราะที่สวนป้าแกลบเขาทำเป็นแพ็คสำเร็จรูปไว้แล้ว ให้นักท่องเที่ยวซื้อกลับไปทำเองที่บ้านได้ ก็เลยจะสาธิตวิธีการทำให้ดู เริ่มจากเอาเส้นจันท์ไปแช่น้ำไว้ 30 นาที เพื่อให้เส้นจันท์นิ่มก่อน จากนั้นเอาน้ำปรุงผัดเส้นจันท์ใส่ในกระทะ เคี่ยวให้เดือดก่อน ใส่ปูลงไปผัดให้น้ำปรุงเข้าเนื้อปู แล้วค่อยใส่ผัดเส้นจันท์ที่นิ่มแล้วลงไป ผัดให้เข้ากันเสร็จแล้ว ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

            เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่หิวเมื่อไหร่ก็ผัดทานได้ทันที่ ไม่ต้องเดินทางมาถึงเมืองจันท์  รสชาติอร่อยเหมือนกันทุกจาน หอมน้ำมะขาม เส้นจันท์เนื้อนุ่ม ปูกรอบอร่อยเคี้ยวได้ทั้งตัว ไม่ต้องปรุงรสเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก แกล้มกับถั่วงอกดิบ ต้นหอม เข้ากันได้ดี และเก็บไว้ได้นานมีวันบอกว่าหมดอายุเมื่อไหร่ ส่วนปูนั้นก็หาซื้อแบบสำเร็จมาแช่ตู้เย็นไว้ ตอนผัดค่อยเอาออกมาใส่ หรือจะเปลี่ยนเป็นใส่เนื้อปู กุ้งสด กุ้งแม่น้ำ ก็ได้ตามใจชอบ

           ยังไม่หมดยังมีการสาธิตการทำท็อฟฟี่ทุเรียนให้ชมกันอีกหนึ่งอย่างด้วย ทำเสร็จแล้วเอากลับไปอมที่บ้านได้ด้วย อมแล้วอยากอมอีก อร่อยหวานมันหอมกินทุเรียน นอกจากนี้ที่สวนป้าแกลบยังมีของฝากให้ซื้อกลับบ้านอีกหลายอย่าง โลชั่นขมิ้นกันแดด เจลอาบน้ำสมุนไพร กะปิ น้ำก๋วยหมูเลียงกระป๋อง แกงหมูชะมวงกระป๋อง น้ำพริกเผากุ้ง ไวน์ผลไม้ และทุเรียนทอดห้ามลืมซื้อเด็ดขาด เพราะได้รับรางวัลการันตรีความอร่อยด้วย

                      ร้านปูจ๋า ท่าแฉลบ อาหารทะเลสดอร่อย

              มาทานมื้อเที่ยงกันที่ ร้านปูจ๋า ท่าแฉลบ อาหารทะเลสดอร่อย ตั้งอยู่ที่ตำบลบางกะจะ อำเภอเมืองจันทบุรี ทำไมถึงต้องมาทานร้านนี้ เพราะว่าปากต่อปากคนจันท์เขาบอกต่อกันมา ว่าร้านนี้อาหารทะเลสดอ่รอย ร้านอยู่ริมถนนขับรถผ่านมาเห็นได้ชัด หน้าร้านเป็นอาคารทรงจั่วแบบโมเดิร์น บรรยากาศน่านั่ง มีทั้งแบบอากาศธรรมชาติ และห้องแอร์ให้บริการ อาหารออกเร็วทันใจคนหิวข้าว

         เมนูแนะนำมีหลายอย่างมาก ปูจ๋า ห่อหมกทะเล น้ำพริกไข่ปู ปลากระพงผัดพริกไทยดำ กุ้งทอดกระเทียม ยำทะเล ต้มยำโป๊ะแตก ปูไข่ดอง แกงส้มหน่อไม้ดองกรรเชียงปู อาหารสดอร่อยทุกอย่าง แต่ผมขอแนะนำเมนูนี้เลยครับ แกงเผ็ดปูไข่หน่อไม้ดอง ร้านอาหารชายทะเลฝั่งตะวันออก ผมเพิ่งเจอเมนูนี้เป็นร้านแรก หาทานยากครับ หอมกลิ่นเครื่องแกงสูตรพิเศษของทางร้าน เข้มข้นกลมกล่อมด้วยกะทิ รสเค็มนำ หนอไม้ดองเนื้อกรอบให้รสเปรี้ยว เผ็ดแซบกำลังดี เนื้อปูไข่สดมาก ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อย่างอื่นแทบไม่อยากชิมเลย

                ฟาร์มหอยนางรม ป้าหลุยส์ลุงทม

       บ่ายได้เวลา Afternoon Tea แต่วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศ นั่งเรือมากินหอยนางรมยามบ่ายที่ ฟาร์มหอยนางรม ป้าหลุยส์กับลุงทม บริหารงานโดย ป้าหลุยส์กับลุงทม ทำกัน 2 ตายาย ลูกน้องไม่ต้องมีให้สิ้นเปลือง เริ่มจากทำอาชีพประมงชายฝั่งมาก่อน แล้วขยับมาทำฟาร์มเลี้ยงหอยนางรม เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย “การศึกษารูปแบบแนวทางการเลี้ยงหอยนางรมเพื่อให้ได้ขนาดที่สามารถจำหน่ายเพื่อบริโภคได้ในพื้นที่ชุมชนฝั่งท่าแฉลบ ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี”

        ฟาร์มยังเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้การเลี้ยงหอยนางรม ให้ผู้สนใจการเลี้ยงหอยนางรม และนักท่องเที่ยวที่อยากจะเรียนรู้วิธีเลี้ยงหอยนางรม ว่าเขาเลี้ยงกันอย่างไร และยังได้ชิมหอยนางรมสดๆ ตัวใหญ่ๆ อีกด้วย ฟาร์มนี้ใช้ไม้ไผ่ผูกกับแกลลอน ช่วยเพิ่มระยะห่างให้ตัวหอยนางรมไม่กระทบกัน ทำให้หอยเจริญเติบโตได้ดี แต่ใช้ต้นทุนสูงกว่าแบบใช้ขวดน้ำ แพที่เป็นศูนย์การเรียนรู้จะจอดอยู่กับที่ไม่ล่องไปไหน ใช้ไฟจากแบตเตอรี่ รบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด คงความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด ดูแลระบบนิเวศน์ป่าชายเลน รักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย

        ก่อนจะชิมหอยนางรม นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้การทำ อีแปะ เป็นภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น ที่คิดค้นขึ้นมา เพื่อนำไปแขวนที่ราวไม้ไผ่ในกระชังเลี้ยงหอยนางรม เพื่อล่อเชื้อหอยนางรมให้มาติด วิธีทำก็ไม่ได้ยากอะไร นำปูนซีเมนต์มาผสมกับทรายเติมน้ำลงไป ระวังอย่าให้เหลวเกินไป กวนให้เข้ากันแล้วนำไปหยอดลงบนเชือกไนลอน รอให้ปูนซีเมนต์แห้งแล้วก็จะติดกับเชือกไนลอนเป็นพวง เอาไปใช้งานได้

         มาถึงไฮไลท์ของ ฟาร์มหอยนางรม ป้าหลุยส์ลุงทม ก็คือการชิมหอยนางรม หรือหอยตระโกรม ที่เลี้ยงในปากแม่น้ำจันทบุรี ปล่อยให้หอยโตตามธรรมชาติ ใช้เวลาอย่างน้อย 2 – 4  ปี ถึงจะมีขนาดได้มาตราฐาน ที่เอามาเสิร์ฟนี่ก็ขนาดเกือบเท่าฝ่ามือทั้งนั้น วิธีกินก็แงะกันสดๆ บีบมะนาวลงไปก่อน ตามด้วย น้ำจิ้มซีฟู้ด โรยหอมเจียว ใส่ลงไปบนตัวหอย เสร็จแล้วก็เทใส่ปากลงไปพร้อมกัน ได้ความสดของหอยนางรมไม่มีกลิ่นคาว แซบด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด หอมกลิ่นหอมเจียว ตัดเลี่ยนด้วยกระเทียมกลีบแกล้มด้วยยอดกระถิ่น ได้ความหวานออกมาอย่างน่าประหลาดใจ แต่ละคนอย่างน้อยต้อง 5 ตัว ขึ้นไป ที่เสิร์ฟไม่อั้นกินเท่าไหร่ก็ได้จนกว่าจะบอกว่าพอแล้ว

                 กินหอย กินปู ดูเหยี่ยวแดง บางสระเก้า

           กินหอยนางรมจนแน่นท้องแล้วก็นั่งรถต่อมาที่ ชุมชนบางสระเก้า ตั้งอยู่ที่ตำบลบางสระเก้า อำเภอแหลมสิงห์ มีวัดบางสระเก้าเป็นศูนย์รวมใจของคนในชุมชน สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย เมื่อก่อนมีสระน้ำศักสิทธิ์อยู่ 9 แห่ง จึงได้ชื่อว่าบางสระเก้า แต่ตอนนี้หรืออยู่แค่ 2 แหล่ง ภายในชุมชนมีหลายกลุ่มอาชีพให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรียนรู้ กลุ่มทอเสื่อกกจันทบูร กลุ่มทำงอบจากใบจาก กลุ่มเลี้ยงผึ้งชันโรง วันนี้เราอยูท่ี กลุ่มบ้านปลา ธนาคารปู เป็นกลุ่มที่ อนุบาล และเพาะพันธ์ปลา ปู กุ้ง หอย ให้ความรู้แก่คนในชุมชน เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหารของชุมชนเอาไว้ ให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ต่อไป

          ลงจากรถมาได้การต้อนรับจากนางรำ พร้อมด้วยแตรวงบรรเลงเพลงบิวอารมณ์มาเต็มที่ จะรออะไรอยู่ละครับ มีกี่สเต็ปจัดไปให้ครบ เชิบๆกันจนมาถึงศูนย์เรียนรู้บ้านปลา ธนาคารปู ซึ่งเป็นสถานที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว นั่งรับฟังบรรยายความเป็นมาของชุมชน พร้อมชิมเมี่ยงคำ กับเมี่ยงปลา เป็นออร์เดิร์ฟ ไปด้วย

         ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำคือ สาธิตวิธีการทำบ้านปลา บ้านปลาของที่นี่จะคล้ายปะการังเทียม มีสองอย่าง คือทำจากปูนบล็อคสี่เหลี่ยม และทำจากยางรถยนต์ที่ไม่ได้ใช้แล้ว ทำเสร็จแล้วนำไปทิ้งลงที่แหล่งน้ำเพื่อเป็นที่อาศัย และหลบภัยของปลาเล็กปลาน้อย ถือเป็นการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สร้างความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ พร้อมทั้งวางมาตรการควบคุม กำหนดระยะเวลาการทำประมงในช่วงฤดูวางไข่ของปลา และสัตว์น้ำอื่นๆ เพื่อคืนความสมดุลให้กับธรรมชาติ สร้างแหล่งทำกินของชุมชนให้ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ต่อไป

        บ่ายแก่ๆก็ได้เวลานั่งแพไปดู เหยี่ยวแดง กันแล้ว เดินไปลงเรือที่ศาลาท่าน้ำหลังศูนย์เรียนรู้ฯ ก่อนลงแพนักท่องเที่ยวต้องสวมเสื้อชูชีพกันทุกคน เพื่อความปลอดภัย ลงแพกันครบตามจำนวนมาตราฐานความปลอดภัยของแพแล้ว เรือจูงแพก็เริ่มจูงแพเคลื่อนออกไป สองฝั่งแม่น้ำจันทบุรีเต็มไปด้วยป่าไม้ชายเลนแน่นขนัด ซึ่งที่อยู่อาศัยของเหยี่ยวแดงได้เป็นอย่างดี ล่องแพมาได้สักพักก็ทำการปล่อยบ้านปลาที่ทำจากยางรถยนต์ลงไป เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของปลา

       ล่องต่อมาอีหน่อยก็มาถึงยังกระชัง กุ้ง หอย ปูปลา ที่คนในชุมชนเลี้ยงเอาไว้  ตะวันใกล้ลับทิวไม้ป่าโกงกางเต็มที ฝูงเหยี่ยวแดงหลายร้อยตัวออกมาบินวนรอบแพ เพื่อคอยโฉบลงมาหาเหยื่อบนผืนน้ำ เป็นภาพที่ประทับใจผมมาก หาดูได้ยากถ้าไม่มาดูให้เห็นกับตาที่บางสระเก้า

        เดินกลับจากดูเหยี่ยวมาได้กลิ่นหอยย่างโชยมาเตะจมูกแต่ไกล ทางชุมชนเข้าย่างรอเราไว้แล้ว เป็นออร์เดิร์ฟสำหรับมื้อเย็นวันนี้ ใครหิวก็ชิมรองท้องได้เลย ก่อนทานมื้อเย็นก็มีการสาธิตเมนู ผัดเผ็ดไก่บ้านกระลาอ่อน ให้เราชมเรียกน้ำย่อยกันก่อน ส่วนผสมก็มี ไก่บ้าน พริกแกง กะลาอ่อน ผักชีใบยาว น้ำชุป น้ำปลา น้ำตาลทราย

          วิธีทำ ผัดพริกแกงให้หอมก่อน แล้วใส่ไก่ที่ผัดให้สุกไว้แล้วลงไป เติมน้ำชุปลงไป ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา ตัดด้วยน้ำตาลนิดหน่อย แล้วเติมน้ำชุปลงไปอีกที ผัดให้เข้ากันจนกว่าน้ำแห้งขลุกขลิก ปิดไฟแล้วใส่ผักชีใบยาวลงไป ผัดต่อให้ผักเปลี่ยนสี ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟ

          เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ พริกแกงสูตรของชุมชน ให้กลิ่นหอมเครื่องแกงอย่างมาก ครบรส เผ็ดนำ ตามด้วยเค็ม ไก่บ้านเนื้อเด้ง ตัดด้วยความฝาดของกะลาอ่อน ลงตัวเข้ากันได้ดี เมนูนี้หาทานยากต้องมาทานที่บางสระเก้าเท่านั้น

          เมนูสำหรับมื้อเย็นวันนี้นอกจาก ผัดเผ็ดไก่บ้านกระลาอ่อน หอยหมกปลา ผัดผักรวม หอยย่างแล้วยังมี ปูดำนึ่งซึ่งเป็นพระเอกของงานในวันนี้ ตัวใหญ่สีส้มเข้ม เนื้อแน่น ไข่เต็มท้อง น่าทานมาก จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อยจนลืมทานข้าวเลยครับ ขอย้ำว่ามา กินหอย กินปู ดูเหยี่ยวแดง ต้องมาที่บางสระเก้าเท่านั้นครับ แล้วพบกันใน EP. ต่อไปครับ