THEWAYNEWS > Travel > Outbound > Lake District ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า ป่าเขา แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ

          Lake District ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า ป่าเขา แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ 

จุดชมวิวทะเลสาบวินเดอร์เมียร์-S

                เรื่อง/ภาพ สุเทพ ช่วยปัญญา

_LON2565-S

            นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกเดินทางไปประเทศอังกฤษ ด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป บางคนอยากไปกินเป็ดย่างโฟซีซั่น นั่งชมเมืองจากลอนดอนอาย เดินช้อปปิ้งในกรุงลอนดอน หรือไปเชียร์ฟุตบอลทีมโปรดถึงขอบสนามตามเมืองใหญ่ น้อยคนนักที่จะเลือกไป เลกดิสตริกต์ (Lake District) เมืองโรแมนติกทางธรรมชาติ แห่งเกาะอังกฤษ สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรกดโลกทางธรรมชาติ ใหม่ล่าสุดของสหราชอาณาจักร (United Kingdom) 

สถานีรถไฟOxenholme-1S

            ที่ประเทศอังกฤษระบบรางของเขาแข็งแรงมาก ในลอนดอนมีทั้งรถไฟใต้ดินบนดินเส้นทางถักทอเป็นใยแมงมุม เชื่อมโยงกันทั่วประเทศ การเดินทางไปเมืองต่างๆทำได้อย่างรวดเร็วสะดวกสบาย แม้จะใช้เงินลงทุนสูงในการสร้างทางรถไฟ แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุนระยะยาว ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ให้นักท่องเที่ยวอย่างผมในการเดินทางไปยัง เลกดิสตริกต์ จากสนามบินเดินมาขึ้นรถไฟใต้ดิน มาลงที่สถานีแพดดิงตัน (Padding Station) แล้วก็นั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟยูสตัน ซึ่งเป็นชุมทางรถไฟสายเหนือ นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางต่อไปยัง เมืองลิเวอร์พูล เมืองแมนเชสเตอร์ เลกดีสตริกต์ ก็ต้องนั่งรถไฟสายนี้ สถานนีปลายทางอยู่ที่เมืองกลาสโกว์ (Glasgow) สก๊อตแลนด์ รถไฟวิ่งด้วยความเร็วสูงพอประมาณ หยุดเฉพาะสถานีของเมืองใหญ่ๆเท่านั้น บนรถไฟก็สะดวกสบายสะอาดทันสมัยเหมือนบนเครื่องบิน มีอาหารเสิร์ฟระหว่างทางให้ 1 มื้อ 

สถานีOxenholme-S

The Knoll-1S

The Knoll-2S

The Knoll-S

            ใช้เวลาเดินทางกว่าสองชั่วโมงมาลงที่สถานีออกเซนโฮล์ม (Oxenholme) เมืองเคนดอล (Kendal) ต้องนั่งรถไฟท้องถิ่นต่อมาอีกประมาณ 15 นาที มาลงที่สถานีเลคไซด์ (Lakeside) เช็คอินเข้าพักที่ เดอร์โนลล์ คันทรี่ เฮาส์ (The Knoll Country House) ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก เป็นเกรสเฮาส์ในท้องถิ่น สูง 3 ชั้น ทาสีขาว ล้อมรอบไปด้วยป่าสนต้นสูงใหญ่ ตั้งอยู่ทางใต้ของทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ (Lake Windermere) เจ้าของเป็นผู้หญิงพักอยู่คนเดียว มีห้องเหลือ 5 – 6 ห้อง ก็เลยเปิดให้นักท่องเที่ยวมาพัก ห้องรับแขกตกแต่งสไตล์คันทรี่ แขกที่มาพักจะได้รับไออุ่นจากเตาผิงในฤดูหนาว เตียงนอนคลุมด้วยมุงสีขาวแบบคลาสิก บริการพร้อมอาหารเช้าและอาหารเย็น ปรุงอาหารด้วยฝีมือของเจ้าบ้านเอง ได้ประสบการณ์สไตล์อังกฤษไปแบบเต็มในคืนนี้

Lakeside Pier-S

        เลกดิสตริกต์ (Lake District) อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ เลกดิสตริกต์ (Lake District National Park) แคว้นคัมเบรีย (Cumbria) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ เป็นเมืองแห่งทะเลสาบ ประกอบไปด้วยทะเลสาบน้อยใหญ่ถึง 16 แห่ง มีทะเลสาบใหญ่ๆอยู่ 2 แห่ง คือทะเลสาบวอสต์วอเทอร์ (Wastwater Lake) และทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ (Windermere Lake) พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้า ป่าสน อยู่กลางหุบเขาสูง ยอดเขาสกอเฟลล์ไพก์ (Scafell Pike) คือจุดสูงสุดของเมือง อากาศหนาวเย็นตลอดปี ท่องเที่ยวทางธรรมชาติทำได้หลายแบบ ขับรถ เดินเขา ปั่นจักรยาน และล่องเรือ มีให้เลือกเที่ยวได้นานเป็นเดือนก็ไม่น่าเบื่อ 

วิวทุ่งหญ้า-S

        เช้าวันต่อมาซื้อทัวร์แบบวันเดย์ทริปที่เจ้าของเกรสเฮาส์แนะนำ ไกด์ท้องถิ่นมารับที่เกรสเฮาส์ด้วยรถเวนขนาดเล็ก 6 ที่นั่ง ขับพาชมเมืองไปเรื่อยๆ เห็นวิวทิวทัศน์ตรงไหนสวย อยากจอดถ่ายรูปก็แวะถ่ายได้เลย มองจากรถออกไปเห็นสองข้างเป็นทุ่งหญ้าเขียว ลดหลั่นไปตามไหล่เขา แวะถ่ายรูปเป็นจุดแรก มีฉากหน้าเป็นฟางข้าวสาลีที่เก็บเกี่ยวแล้ว ถัดไปเป็นฝูงแกะหากินอยู่ตามทุ่งหญ้า ไกลออกไปอีกหน่อยมีบ้านพักอาศัย “กระท่อมหิน” (Stone Cottage) สร้างขึ้นประมาณศตวรรษที่ 18 ตั้งซ้ำๆอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ โดยมียอดเขาสกอเฟลล์ไพก์ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน เป็นแบล็คกราวน์อยู่เบื้องหลัง กลายเป็นภาพภูมิทัศน์ในชนบทของเกาะอังกฤษที่สวยงามชื่นใจ คนเมืองนี้เขาพยายามอนุรักษ์สภาพนี้ไว้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด

ยอดเขาสกาเฟลล์ไพค์-S

ธารน้ำที่ละลายจากหิมะ-S

_BOA2861-S

       จุดที่สองรถจอดบนเนินเขาเล็กๆ เห็นรถคันหนึ่งวิ่งอยู่บนถนนลาดยาง คดเคี้ยวโค้งลัดเลาะไปตามไหล่เขา เป็นเส้นนำสายตาไปยังทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ที่เห็นอยู่ไกลๆ ข้างถนนมีลำธารเล็กๆ ที่เกิดจากการของหิมะบนยอดเขา ไหลขนานไปกับเส้นทางรถยนต์ ผ่านป่าสนที่กำลังพลัดใบ บางช่วงก็ลอดผ่านสะพานหินที่สร้างข้ามลำธารให้รถแล่นผ่าน ระหว่างทางที่ขับรถผ่านก็จะเห็นนักเที่ยวประเภทเดินเขา (Hill walking) เดินกันเป็นกลุ่มเล็กๆประมาณ 4 – 5 คน เดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวเหนือทะเลสาบวินเดอร์เมียร์

Little Stonehenge-S

      ที่หมายต่อไปได้แก่ “สโตนเฮนท์ น้อย” (Little Stonehenge) กลุ่มหินที่วางเรียงกันเป็นวงกลมอยู่กลางทุ่งหญ้าริมทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ คล้ายกับสโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ที่ตั้งอยู่บนที่ราบ ซอสลิสเบอรรี่ (Sollisbury) ทางใต้ของเกาะอังกฤษ ต่างกันที่สโตนเฮนจ์มีแท่งหินเรียงกัน 3 วง “สโตนเฮนท์ น้อย” มีแท่งหินเรียงกันแค่ชั้นเดียว แท่งหินก็เล็กกว่าและไม่มีแท่งหินวางเทินอยู่ข้างบน สันนิษฐานว่าอายุก็จะน่ารุ่นราวคราวเดียวกัน นักท่องเที่ยวที่ซื้อทัวร์แบบวันเดย์ทริป หรือปั่นจักรยานท่องเที่ยวผ่านมา ก็ต้องแวะมาถ่ายรูปที่ “สโตนเฮนท์ น้อย” ไว้เตือนความทรงจำว่าเคยมา ณ ที่แห่งนี้แล้ว

_LAK2629-S

Lakeside Pier-S

      เช้าวันที่ 2 มาที่ท่าเรือเลคไซค์ (Lakeside Pier ) เพื่อมาซื้อทัวร์นั่งชมวิวทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ บนเรือท่องเที่ยวสายสีเหลือง (yellow Cruise) ล่องจากท่าเรือเลคไซค์ไปขึ้นที่ท่าเรือโบว์เนส ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 45 นาที ท่าเรืออยู่ห่างจากที่พักด้วยการเดินเท้าเพียง 5 นาที วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสมีแสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านก้อนเมฆสะท้อนผืนน้ำเป็นแวววาว สูดลมหายให้เต็มที่เอาอากาศบริสุทธิ์เข้าให้เต็มปอด ร่างกายก็สดชื่นทันตา บริเวณท่าเรือมีเรือยอร์ช เรือใบ และเรือท่องเที่ยว จอดเทียบท่าอยู่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยว อากาศเย็นสบายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสักหนึ่งตัวก็อบอุ่นกำลังดี แค่มองวิวตรงข้ามท่าเรือก็สวยสุดยอดแล้วครับ มีบ้านหินสีเทาเข้มอยู่ตั้งริมทะเสาบ ด้านหลังติดเนินเขาป่าสนกำลังพลัดใบสีสันสลับสีเขียว เหลือง ม่วง ยืนมองอยู่สักพักก็มีฝูงนกสีขาวบินผ่านหน้าไป เป็นภาพจำที่สวยงามภาพหนึ่งครับ 

ล่องเรือชมทะเลสาบ-S 

บ้านริมทะเลสาบ-S

       เรือท่องเที่ยวตกแต่งทำด้วยไม้ทั้งลำ ชั้นล่างเป็นห้องกระจกมีเก้าอี้ไม้ ให้นักท่องเที่ยวนั่งชมวิวหลบลมหนาวที่พัดผ่านไปตามฤดูกาล ผมเลือกนั่งบนชั้นดาดฟ้าเพื่อให้เห็นวิวทะเลสาบ ได้เต็มตาแบบพานอรามา หิมะบนยอดเขาที่โอบล้อมอยู่โดยรอบ หลอมละลายแล้วไหลลงมารวมกันกลายเป็นทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ จากเหนือจรดใต้ยาวประมาณ 18 กิโลเมตร กว้าง 1.5 กิโลเมตร ยาวแต่ไม่กว้าง คนท้องถิ่นเลยเรียกว่า “ทะเลสาบริบบิ้น” (Ribbon Lake) ผมนั่งอยู่ชั้นดาดฟ้ามองลงมา มีนักท่องเที่ยวนั่งชมวิวอยู่ที่หัวเรือ น้ำในทะเลสาบใส่จนเห็นท้องฟ้าลอยอยู่ในน้ำ ริมฝั่งมีปราสาทหลังน้อยสีครีมอ่อน หลังคาสีเทา ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ปูด้วยผืนหญ้าเขียวอ่อน ล้อมรอบด้วยพันธ์ุไม้ที่กำลังพลัดใบ ด้านหลังติดเขายอดปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ที่นี่หรือเปล่าที่เขาว่าเป็นภาพที่สวยเกินคำบรรยาย   

Bowness Pier-S

_WIM2868-S

_WIM2866-S

      ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ เห็นท่าจะจริง หันมาอีกที่เรือก็มาเทียบที่ท่าเรือโบว์เนส (Bowness Pier) เดินเข้าตัวเมืองวินเดอร์เมียร์ อยู่ทางตอนกลางของทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ เป็นเมืองเล็กๆ เงียบสงบร่มรื่น คนท้องถิ่นดำเนินชีวิตไปอย่างช้าๆไม่รีบเร่ง ตรงกันข้ามกับความวุ่นวายในเมืองใหญ่อย่างกรุงลอนดอน ถึงแม้จะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ที่นี่เขาก็ไม่ได้สงวนไว้สำหรับพืชพันธุ์และสัตว์ป่าเท่านั้น คนเขาก็อนุญาตให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ สองฝั่งถนนลาดยางแคบๆไปกลับ 2 ช่องจราจร รถราไม่ขวักไขว่ ตัวอาคาร ตึกร้านค้า บ้านช่อง โรงแรม เกรสเฮาส์ โบสถ์ ปลูกเรียงต่อกันเป็นแนวยาวตลอดสองข้างทาง ส่วนใหญ่ทำจากหินโทนสีเทาดำแบบกระท่อมหิน ตัวตึกก่ออิฐฉาบปูนทาสีขาว คาดแถบลายเส้น และลวดลายต่างๆด้วยไม้สนสีดำ หลังคาทรงสูงแบบทิวดอร์ สวยงามสไตล์อังกฤษในศตวรรษที่ 16 

ท่าเรือเลคไซด์-S

       งดงามเงียบสงบมีคุณค่าต่อมวลมนุษยชาติ โดดเด่นทางด้านวัฒนธรรม คนท้องถิ่นใช้วิถีเรียบง่ายแบบเกษตรกรรม ด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ ให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับพืชพันธุ์และสัตว์ป่าได้ โดยไม่ลบกวนสิ่งแวดล้อมเกินความจำเป็น ร่วมกันพัฒนาไปสู่อนาคตแบบยั่งยืน สมค่ากับการที่ได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งมรกดโลกทางธรรมชาติ สัญญาว่าจะกลับมาเยือน เลกดิสตริกต์ อีกครั้งหากโอกาสนั้นมาถึง